ผู้เขียน หัวข้อ: รถยนต์ไฟฟ้า ลัมโบร์กินี Lamborghini Temerario Standard ปี 2025  (อ่าน 29 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 816
  • ลงโฆษณา อย่างคุ้มค่าในการลงโฆษณา ได้ผลที่สุด รับจ้างโพส รับโปรโมทเว็บ
    • ดูรายละเอียด
รถยนต์ไฟฟ้า ลัมโบร์กินี Lamborghini Temerario Standard ปี 2025
« เมื่อ: วันที่ 25 มิถุนายน 2025, 17:50:47 น. »
รถยนต์ไฟฟ้า ลัมโบร์กินี Lamborghini Temerario Standard ปี 2025

Lamborghini Temerario ปี 2025 เป็นซูเปอร์คาร์รุ่นใหม่ล่าสุดที่มาแทนที่ Huracán โดยถือเป็นก้าวสำคัญของ Lamborghini ในยุคของการใช้ขุมพลัง Plug-in Hybrid (PHEV) เพื่อมอบสมรรถนะที่น่าทึ่งพร้อมประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น

ภาพรวมและราคา (โดยประมาณ)
Lamborghini Temerario ปี 2025 ได้รับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2024 ที่งาน Pebble Beach ในช่วง Monterey Car Week และกำลังจะเริ่มผลิตและส่งมอบในช่วงปลายปี 2024 หรือต้นปี 2025

ราคาสหรัฐอเมริกา: ราคาเริ่มต้นคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 290,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ไม่รวมออปชั่นและภาษี) และสามารถสูงถึง 350,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือมากกว่าเมื่อรวมออปชั่นต่างๆ
ราคาในประเทศไทย: สำหรับประเทศไทย มีการประกาศราคาอย่างเป็นทางการเริ่มต้นที่ 23,760,000 บาท (อาจมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนและภาษีนำเข้า ณ วันส่งมอบจริง)
ขุมพลังและสมรรถนะ (Plug-in Hybrid V8)
Temerario มาพร้อมระบบขับเคลื่อน PHEV ที่พัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของรถรุ่นนี้:

เครื่องยนต์: V8 Bi-Turbo (Twin-Turbo) ขนาด 4.0 ลิตร (3,995.2 ซีซี) ในรูปแบบ Hot-V (เทอร์โบชาร์จเจอร์อยู่ภายใน V ของเครื่องยนต์)
กำลังสูงสุดของเครื่องยนต์สันดาป: 800 แรงม้า (CV) ที่ 9,000-9,750 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุดของเครื่องยนต์สันดาป: 730 นิวตันเมตร ที่ 4,000-7,000 รอบ/นาที
มอเตอร์ไฟฟ้า: มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว
มอเตอร์ไฟฟ้า P1: 1 ตัว อยู่ระหว่างเครื่องยนต์และกระปุกเกียร์
มอเตอร์ไฟฟ้าที่เพลาหน้า: 2 ตัว (สำหรับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และระบบ Torque Vectoring)
กำลังสูงสุดของมอเตอร์ไฟฟ้าที่เพลาหน้า: 220 kW
กำลังรวมสูงสุดทั้งระบบ (Combined Power): 920 แรงม้า (CV)
ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ (Dual-Clutch) 8 สปีด วางตามขวาง (Transversal)
ระบบขับเคลื่อน: ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา (All-Wheel Drive - AWD) พร้อมระบบ Torque Vectoring ที่เพลาหน้า
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: เพียง 2.7 วินาที
ความเร็วสูงสุด: 343 กม./ชม.
แบตเตอรี่: Lithium-ion แบบ Pouch Cells (มีความหนาแน่นของพลังงานสูง) ขนาด 3.8 kWh
โหมดขับขี่: มีโหมด Recharge สำหรับการชาร์จแบตเตอรี่อย่างรวดเร็ว

ดีไซน์ภายนอก
Temerario โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่เน้นอากาศพลศาสตร์และความดุดันตามสไตล์ Lamborghini:

โครงสร้างตัวถัง: อะลูมิเนียมทั้งคัน (Full Aluminium Frame and Body) ซึ่งแข็งแกร่งกว่าเดิม 20%

มิติตัวถัง:
ยาว: 4,706 มม.
กว้าง (ไม่รวมกระจก): 1,996 มม.
สูง: 1,201 มม.
ระยะฐานล้อ: 2,658 มม.
น้ำหนัก Dry Weight: 1,690 กก.
ไฟหน้า: DRLs (Daytime Running Lights) ดีไซน์หกเหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์
ระบบอากาศพลศาสตร์แบบ Active Aerodynamics: มีการออกแบบที่ช่วยเพิ่มแรงกด (Downforce) เช่น ดิฟฟิวเซอร์หลังที่คล้ายกับ Huracán Evo
ล้อ: ล้อหน้า 20 นิ้ว (9J) พร้อมยาง Bridgestone Potenza Sport ขนาด 255/35 ZR20 และล้อหลัง 21 นิ้ว (11.5J) พร้อมยางขนาด 325/30 ZR21

ภายในและความสะดวกสบาย
ห้องโดยสารของ Temerario ผสมผสานความสปอร์ตเข้ากับความหรูหราและเทคโนโลยีล้ำสมัย:

การจัดวางหน้าจอ: มาพร้อมหน้าจอแสดงผล 3 จอ (หน้าจอมาตรวัด, หน้าจอสัมผัสกลาง และหน้าจอสำหรับผู้โดยสาร)
เบาะนั่ง: เบาะนั่งแบบสปอร์ตที่ออกแบบมาเพื่อความสบายสูงสุด พร้อมฟังก์ชันปรับไฟฟ้า 18 ทิศทาง, ระบบทำความร้อน (Heated Seats) และระบบระบายอากาศ (Ventilated Seats)
วัสดุ: หนังคุณภาพสูง, คาร์บอนไฟเบอร์ และวัสดุพรีเมียมอื่นๆ
ระบบ Infotainment: ระบบอินโฟเทนเมนต์ที่ใช้งานง่าย รองรับการเชื่อมต่อที่หลากหลาย
ระบบปรับอากาศ: อัตโนมัติ
ระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่
Temerario มาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ที่ครบครัน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดความเหนื่อยล้าในการขับขี่:

ระบบเบรก: Carbon Ceramic Brakes Plus (CCB Plus) พร้อมคาลิเปอร์เบรกแบบ Monoblock 10 ลูกสูบที่ด้านหน้า และ 4 ลูกสูบที่ด้านหลัง
ดิสก์เบรก: ด้านหน้าขนาด 410x38 มม. และด้านหลังขนาด 390x32 มม.
ระบบ ADAS เต็มรูปแบบ: เช่น ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้, ระบบเตือนการชนด้านหน้า

ถุงลมนิรภัย: รอบคัน
Lamborghini Temerario Standard ปี 2025 จึงเป็นบทสรุปของวิวัฒนาการซูเปอร์คาร์จาก Lamborghini ที่ผสานความเร็ว แรง และความเร้าใจในแบบฉบับกระทิงดุ เข้ากับเทคโนโลยีไฮบริดอันล้ำสมัย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในยุคปัจจุบันและอนาคต