วิธีแก้แฮงค์ 4 ตัวช่วยง่ายๆ แก้อาการ “เมาค้าง”

[siritidaphon]

เมื่อมีโอกาสได้พบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูงในช่วงวันหยุดพักผ่อน บางคนก็อาจจะเผลอดื่มหนักจนทำให้เกิดอาการเมาค้างกันได้ ซึ่งอาการที่พบบ่อย คือ อ่อนเพลีย ปวดหัว ตาแดง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ กระหายน้ำ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ตรวจร่างกายอาจพบความดันโลหิตสูง ชีพจรเต้นเร็ว มือสั่น เหงื่อออก อาการคล้ายกับจะเป็นไข้หวัด

บางรายมีอาการเวียนศรีษะเหมือนบ้านหมุน อารมณ์หงุดหงิด ไม่สบายใจ วิตกกังวลจนถึงซึมเศร้าได้ ผลต่อสมองพบว่ามีการเสียสมาธิและความจำ ทำให้คนที่มีอาการเมาค้างมีความสามารถในการทำงานบกพร่องไป และเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย หากอยากแก้อาการเมาค้างด้วยวิธีง่าย ๆ Tonkit360 มี 4 ตัวช่วยมาฝากกัน

1. น้ำอุ่น

วิธีแก้เมาค้างอันดับแรกคือต้องงดการดื่มทันที เพราะหากดื่มเพื่อถอนแก้เมาค้างจะยิ่งเป็นการเติมเชื้อแอลกอฮอล์ และทำให้ร่างกายใช้น้ำมากในการเผาผลาญแอลกอฮอล์ จึงเกิดภาวะขาดน้ำ ดังนั้นการดื่มน้ำอุ่นมากๆ จึงช่วยแก้อาการเมาค้างได้ รวมถึงการอาบน้ำบ่อยๆ ก็ช่วยให้อาการเมาค้างดีขึ้นเช่นกัน แต่แนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงการอบซาวน่า หรือกิจกรรมที่ทำให้เสียเหงื่อเพิ่ม


2. ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว

การรับประทานผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น มะม่วงดิบหรือมะขามเปียก จะช่วยแก้อาการเมาค้างได้ แต่หลังจากเมาค้างไม่ควรรับประทานทุเรียน เพราะมีซัลเฟอร์หรือกำมะถันสูง สารนี้จะทำให้แอลกอฮอล์ดูดซึมในร่างกายได้เร็ว ทำให้ร้อนในถึงขั้นเสียชีวิตได้นั่นเอง


3. อาหารอ่อนย่อยง่ายและอาหารร้อน (ซดน้ำ)

ควรรับประทานอาหารอ่อนย่อยง่าย โดยเฉพาะอาหารที่ทำจากปลา เช่น ข้าวต้มปลาหรือโจ๊กปลา รวมถึงอาหารร้อนจำพวกซุป เช่น เกาเหลา ก๋วยเตี๋ยว มาม่า ก็สามารถช่วยให้อาการเมาค้างทุเลาลงได้ นอกจากนี้การออกกำลังกายเบาๆ เช่น การเดิน ก็ทำให้อาการดีขึ้นและฟื้นสภาพได้เร็วเช่นกัน


4. เครื่องดื่มและวิตามินแก้แฮงค์

ผลิตภัณฑ์แก้เมาค้างไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มหรือวิตามิน อาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกบรรเทาอาการได้ เนื่องจากได้มีการเพิ่มสารอาหารต่างๆ ที่ร่างกายขาดแคลนไป แต่อย่างไรก็ตามควรพิจารณาความคุ้มค่าในการเลือกใช้ด้วย สำหรับเครื่องดื่มที่ช่วยแก้อาการเมาค้างได้ ได้แก่ น้ำผลไม้สด น้ำขิง น้ำหวาน เกลือแร่ และเครื่องดื่มวิตามินที่ประกอบไปด้วยวิตามินบีหรือซี ซึ่งมีขายตามร้านค้าและร้านขายยาทั่วไป


วิธีแก้แฮงค์ 4 ตัวช่วยง่ายๆ แก้อาการ “เมาค้าง” อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/