แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 51
1
motor show 2025: บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ประกาศเปิดไลน์อัพรถใหม่ที่จะมาอวดโฉม

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ประกาศนำทัพนวัตกรรมยานยนต์ล่าสุด มุ่งสู่งาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41 โดยนำเสนอรถยนต์ที่พร้อมต่อยอดและยกระดับความสำเร็จของยานยนต์ที่แฟนๆ ชาวไทยต่างเคยหลงใหลกันมาแล้ว นับตั้งแต่ที่สุดแห่งสมรรถนะจาก BMW M5 และ BMW M4 CS ใหม่ โฉมใหม่ล่าสุดของรุ่นยอดนิยมอย่าง BMW X3 และ BMW 320d และการกลับมาของ MINI Countryman รุ่นเครื่องยนต์เบนซินในดีไซน์ล่าสุด

 มร. เรเน่ แกร์ฮาร์ด ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “ตลอดประวัติศาสตร์กว่า 108 ปีของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เรามีความมุ่งมั่นที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งในทุกมิติ แม้ว่าปีนี้จะเป็นปีที่ท้าทายของวงการยานยนต์ แต่เราก็ยังคงรักษาผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและความเป็นผู้นำในตลาดไว้ได้อย่างต่อเนื่องตลอดสี่ปีที่ผ่านมา และในสิบเดือนที่ผ่านมาของปีนี้ ความสำเร็จของเรามีรากฐานมาจากการนำเสนอยานยนต์ระดับพรีเมียมที่คงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ที่แฟน ๆ ของบีเอ็มดับเบิลยู มินิ ชื่นชอบมาอย่างยาวนาน แต่ก็ยังยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้ดียิ่งขึ้นในทุกๆ รุ่น ด้วยเทคโนโลยีที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกยานยนต์ และแน่นอนว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เรานำมาเผยโฉมในงานมหกรรมยานยนต์ปีนี้ ต่างสะท้อนแนวคิดนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ รถยนต์ตระกูล M เป็นสัญลักษณ์แทนความหลงใหลในสมรรถนะและความแรงแบบส่งตรงจากสนามแข่ง ซึ่งแฟนๆ บีเอ็มดับเบิลยูที่กำลังมองหาความสนุกอีกขั้นในการขับขี่ แบบที่พร้อมรับมือทั้งในสนามแข่งและการเดินทางในวันปกติ ก็จะได้พบกับทั้ง M5 และ M4 CS ใหม่ พร้อมด้วย X3 M50 xDrive ที่มาเปิดตัวในฐานะน้องใหม่ของตระกูล M Performance ในตลาดไทย และสำหรับลูกค้าที่ต้องการเติมความเพลิดเพลินให้กับทุกการเดินทางในชีวิตประจำวัน ต้องมาสัมผัสทั้ง X3 20d xDrive M Sport Pro รุ่นใหม่ ที่เหนือกว่าเดิมทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความสะดวกสบาย และการออกแบบ พร้อมด้วย 320d M Sport ในรุ่นปรับโฉม สำหรับมินิ นำรุ่นยอดนิยมอย่าง MINI Countryman กลับมาในโฉมใหม่ ตามแนวทางการออกแบบในเจนเนอเรชั่นล่าสุดของมินิ และยังไม่ทิ้งเอกลักษณ์ที่ทำให้รุ่นก่อนหน้าได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากแฟนๆ"

 BMW X3 M50 xDrive และ X3 20d xDrive M Sport Pro

ราคา: รอการประกาศอย่างเป็นทางการ
X3 กลับมาอีกครั้งในเจนเนอเรชันที่ 4 เพื่อสานต่อความสำเร็จในฐานะรถยนต์อเนกประสงค์มากความสามารถที่ลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูในประเทศไทยต่างไว้วางใจ โดยในรุ่นล่าสุดนี้ มาพร้อมกับดีไซน์ที่ให้อารมณ์สปอร์ตยิ่งขึ้นและสง่างามกว่าเดิม พร้อมเสริมทั้งประสิทธิภาพและความคล่องตัวให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ลูกค้าในไทยยังจะได้สัมผัสกับ X3 ที่มีประสิทธิภาพระดับ M Performance เป็นครั้งแรก กับการเปิดตัว X3 M50 xDrive

X3 20d xDrive M Sport Pro
BMW X3 ใหม่ มีรูปลักษณ์ภายนอกที่โดดเด่นยิ่งขึ้น ด้วยองค์ประกอบต่างๆ ที่ดูกลมกลืนกันเป็นหนึ่งเดียว พร้อมลดทอนดีไซน์บางส่วนให้สะอาดตาและโฉบเฉี่ยวที่สุด ภายใต้รูปทรงและสัดส่วนที่เป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ในตระกูล X ทุกรุ่น ด้วยความยาวที่เพิ่มขึ้น 34 มิลลิเมตรและความกว้างที่เพิ่มขึ้น 29 มิลลิเมตรจากรุ่นก่อนหน้า X3 ใหม่ ได้นำขนาดของตัวถังที่ใหญ่ขึ้นมาผสานกับความสูงที่ลดลง 25 มิลลิเมตรและระยะล้อที่กว้างขึ้น จึงทำให้ตัวรถดูทรงพลังและสปอร์ตยิ่งกว่าเดิม

ส่วนหน้ารถมาพร้อมกับกระจังหน้าขนาดใหญ่ที่เป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยู แต่ปรับโฉมด้วยรูปลักษณ์แบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นซี่กระจังหน้าที่จัดวางในแนวตั้งและทแยงมุม พร้อมไฟ BMW Iconic Glow ที่กรอบกระจังหน้าในทั้งสองรุ่น ขณะที่ไฟขับขี่กลางวัน ไฟด้านข้าง และไฟเลี้ยว ล้วนติดตั้งอยู่ในชุดไฟหน้า LED โดยจัดเรียงมิติซ้อนกันเป็นรูปตัว L ส่วนไฟหน้าดวงหลักแบบ Adaptive LED ใช้ระบบไฟสูงแบบ matrix high beam เพื่อลดการรบกวนสายตาผู้ขับขี่คนอื่น พร้อมด้วยฟังก์ชันปรับองศาขณะเข้าโค้ง ตกแต่งด้วยรายละเอียดในสีฟ้า พร้อมชุดแต่ง M Lights Shadowline

ทรวดทรงด้านข้างของบีเอ็มดับเบิลยู X3 ใหม่ โดดเด่นด้วยสเกิร์ตและแนวหลังคาที่ทอดยาวไปด้านท้ายรถ ซุ้มล้อหลังขนาดใหญ่ส่งให้ช่วงท้ายรถดูกว้างขึ้นอย่างชัดเจน ขณะที่กระจกหลังถูกล้อมกรอบด้วยสปอยเลอร์บนหลังคาและที่บังลมด้านข้าง

X3 20d xDrive M Sport Pro ใหม่ ซ่อนปลายท่อไอเสียไว้ในกันชนท้าย มาพร้อมล้ออัลลอย M ขนาด 20 นิ้วในดีไซน์ Double spoke แบบสลับสี

ส่วน X3 M50 xDrive ขับเน้นความสปอร์ตอย่างเต็มพิกัดด้วยชุดท่อไอเสียคู่ทั้งด้านซ้ายและขวา พร้อมล้ออัลลอย M ขนาด 21 นิ้ว ลาย Star spoke แบบสลับสี

ภายในห้องโดยสาร BMW X3 ใหม่ ผสานความสารพัดประโยชน์ในแบบ SAV ตัวจริง เข้ากับความกว้างขวาง
โอ่อ่า และบรรยากาศสุดพรีเมียม โดยในส่วนของที่นั่งคนขับยังคงเน้นผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลางด้วยองค์ประกอบครบครัน ทั้งจอโค้ง BMW Curved Display ระบบควบคุมมัลติฟังก์ชัน BMW Interaction Bar พวงมาลัยแบบตัดขอบล่าง และคันเกียร์ที่มาในดีไซน์ใหม่

ส่วนไฟในห้องโดยสารก็ได้รับการออกแบบมาในโทนสีที่ตัดกันอย่างลงตัวบนพื้นผิวคอนโซลหน้ารถและบานประตู โดยจัดวางเป็นกรอบรอบปุ่มควบคุมฟังก์ชันต่าง ๆ ช่องแอร์ และมือจับประตู ส่วนพื้นที่เก็บสัมภาระก็กว้างขวางสมกับความอเนกประสงค์ของตระกูล X3 ด้วยความจุสัมภาระสูงสุด 1,700 ลิตร เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าถึง 570 ลิตร ผู้ขับขี่และผู้โดยสารจะได้สัมผัสความสะดวกสบายที่เหนือกว่า ด้วยเบาะนั่งสไตล์สปอร์ตที่ปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้า และหุ้มด้วยวัสดุ Veganza ในรุ่น X3 20d xDrive M Sport Pro

ส่วนรุ่นใหญ่อย่าง X3 M50 xDrive ถือเป็นครั้งแรกที่นำหนัง BMW Individual leather Merino มาใช้กับเบาะในรุ่น X3 เช่นเดียวกับแผงควบคุมด้านหน้าในชุดแต่ง Luxury ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในรุ่นนี้ด้วยพื้นผิวแบบถักจากวัสดุรีไซเคิลในลุคสุดเรียบหรู

X3 20d xDrive M Sport Pro ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 145 กิโลวัตต์ / 197 แรงม้า และมอบอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. แบบทันใจในเวลา 7.7 วินาที

ส่วนตัวแรง X3 M50 xDrive ซึ่งเป็น X3 ที่มีสมรรถนะ M Performance เป็นรุ่นแรกในตลาดไทย จะยกระดับความตื่นเต้นทั้งบนท้องถนนและเส้นทางออฟโรดไปอีกขั้นด้วยเครื่องยนต์ 6 สูบ เทคโนโลยี TwinPower Turbo ความจุ 3.0 ลิตร ส่งกำลังสูงสุด 293 กิโลวัตต์ / 398 แรงม้า สู่ล้อทั้งสี่ผ่านเกียร์อัตโนมัติ Steptronic Sport 8 จังหวะ และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ BMW xDrive ทั้งหมดนี้ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู X3 M50 xDrive ใหม่ สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 4.6 วินาที นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู X3 ใหม่ ทั้งสองรุ่น ยังพร้อมเติมความแรง ให้การตอบสนองที่ฉับไวยิ่งกว่าเมื่อกดคันเร่งด้วยระบบ Sport Boost โดยทั้งสองรุ่นนำระบบ mild hybrid 48V มาทำงานคู่กับเครื่องยนต์หลักเพื่อให้ส่งกำลังได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและประหยัดน้ำมันมากขึ้นไปพร้อมกัน

BMW X3 ใหม่ ยกระดับทั้งความคล่องตัว เสถียรภาพขณะเข้าโค้ง และความสะดวกสบายในการเดินทางไกล ด้วยตัวถังที่แข็งแกร่งกว่ารุ่นก่อนหน้า ฐานล้อหลังที่กว้างขึ้น และการปรับแต่งทุกส่วนประกอบและระบบควบคุมอย่างละเอียด โดย X3 M50 xDrive เสริมความคล่องตัวด้วยช่วงล่างแบบ M Sport พวงมาลัยสปอร์ต และเบรก M Sport ส่วนในด้านระบบช่วยการขับขี่ X3 ใหม่มาพร้อมระบบเตือนการชนด้านหน้า ระบบเตือนการออกนอกเลน และระบบแสดงความเร็วจำกัดเป็นมาตรฐาน มาพร้อม Driving Assistant Plus ซึ่งเพิ่มทั้งระบบเตือนการเปลี่ยนเลนและระบบช่วยจำกัดความเร็วสำหรับรุ่น X3 20d xDrive M Sport Pro และ Driving Assistant Professional ใน X3 M50 xDrive ที่เพิ่มความสะดวกไปอีกขั้น และเมื่อถึงเวลาต้องถอยจอด X3 ทั้งสองรุ่นก็มาพร้อมกับระบบ Parking Assistant Plus ที่ประกอบด้วยระบบช่วยถอยจอด Reversing Assistant รวมถึงกล้องมองหลังที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน และสามารถอัพเกรดเป็น Parking Assistant Professional ผ่าน ConnectedDrive Upgrade โดยจะเพิ่มฟังก์ชัน Manoeuvering Assistant และ Remote Control Parking

 นอกเหนือจากระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ทั้งหมดนี้  X3 ใหม่ ยังยกระดับความสะดวกสบายและความเพลิดเพลินในการขับขี่ด้วยฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 3 โซน กระจกลดเสียงรบกวน ฟังก์ชัน Comfort Access ระบบเปิดประตูท้ายอัตโนมัติ ระบบพับกระจกมองข้างแบบไฟฟ้า ระบบสัญญาณกันขโมย และระบบ BMW Live Cockpit Professional โดย X3 20d xDrive ใหม่ พร้อมให้ลูกค้าเป็นเจ้าของได้เร็ว ๆ นี้ โดยมีให้เลือกในสี Alpine White, Black Sapphire Metallic, Brooklyn Grey Metallic และ Tanzanite Blue Metallic ส่วน X3 M50 xDrive เพิ่มอีกหนึ่งทางเลือกด้วยสีพิเศษเฉพาะรุ่นอย่าง Dune Grey metallic

 M5 ราคา: 12,999,000 บาท, M5 Ceramic Brake ราคา: 13,699,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standard)
BMW M5 ใหม่ กลับมาสืบสานตำนานแห่งสมรรถนะ 40 ปีเต็มด้วยรุ่นล่าสุดในเจนเนอเรชั่นที่ 7 ที่นำระบบ
ส่งกำลังแบบไฮบริดมาปรับใช้เป็นครั้งแรกในรถซีดานตัวแรงในตำนานรุ่นนี้ ด้วยขุมพลังเทคโนโลยี M HYBRID ที่พัฒนาขึ้นสำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะ ดึงสมรรถนะจากเครื่องยนต์ทรงกำลัง V8 ขนาด 4.4 ลิตร เทคโนโลยี M TwinPower Turbo ส่งกำลังได้สูงสุดถึง 430 กิโลวัตต์ / 585 แรงม้า มาจับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 145 กิโลวัตต์ / 197 แรงม้า และเกียร์ M Steptronic 8 จังหวะ ผลลัพธ์ที่ออกมาคือพละกำลังมหาศาล รวมกว่า 535 กิโลวัตต์ / 727 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,000 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 3.5 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ถูกจำกัดไว้ที่ 305 กิโลเมตรต่อชั่วโมงพร้อม M Driver’s Package (สามารถปลดล็อกความเร็วสูงสุดได้ที่ศูนย์บริการบีเอ็มดับเบิลยู หลังจากขับขี่ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 2,000 กิโลเมตร) ด้วยเทคโนโลยีแชสซีขั้นสูงที่ปรับแต่งมาให้เข้ากับสมรรถนะของตัวรถโดยเฉพาะ บีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่ จึงเร็ว แรง และนิ่งกว่าคู่แข่งในเซกเมนต์นี้อย่างชัดเจน พร้อมยกระดับสมรรถนะในแบบ M สู่มิติใหม่

นอกจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่สามารถส่งกำลังได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทำงานผสานกันอย่างชาญฉลาดกับเครื่องยนต์สันดาปแล้ว ระบบส่งกำลัง M HYBRID ยังนำเทคโนโลยีสุดล้ำจากรถแข่งแบบ endurance ของบีเอ็มดับเบิลยูมาปรับใช้เพื่อให้ตัวรถตอบสนองต่อทุกสัมผัสคันเร่งได้ในพริบตา ส่วนระบบท่อไอเสียแบบสปอร์ตก็ผ่านการปรับแต่งมาอย่างประณีตเพื่อมอบเสียงเครื่องยนต์ที่ทรงพลังสมกับสมรรถนะ ทั้งยังสะดุดตาด้วยปลายท่อไอเสียในสี Black Chrome ขนาด 100 มิลลิเมตรในโหมดการขับขี่แบบไฟฟ้าล้วน M5 ใหม่ สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และยังมอบเสียงเครื่องยนต์ที่เพลินหูได้ไม่แพ้โหมดขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ ผ่านระบบ BMW IconicSounds Electric ที่ส่งเสียงตอบสนองทุกการควบคุม

พละกำลังมหาศาลจากเครื่องยนต์ของ M5 ใหม่ ถูกส่งลงสู่พื้นถนนผ่านระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive พร้อมการปรับแต่งให้เน้นส่งกำลังไปที่ล้อหลัง ผู้ขับขี่ยังสามารถเปิดใช้งานโหมด 2WD เพื่อส่งกำลังไปที่ล้อหลังเท่านั้น พร้อมปิดระบบ DSC (Dynamic Stability Control) เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่ฉับไวและเร้าใจที่สุด นอกจากนี้ พวงมาลัยแบบ M Servotronic ระบบบังคับเลี้ยวแบบสี่ล้อ Integral Active Steering และช่วงล่าง Adaptive M ที่ปรับแต่งมาโดยเฉพาะสำหรับสมรรถนะระดับ M ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถกำหนดลักษณะการขับขี่ของ M5 ใหม่ ได้ในทุกมิติ และเลือกได้ระหว่างการเสริมความสะดวกสบายหรือสมรรถนะให้เข้ากับความต้องการในแต่ละทริป

นอกเหนือจากสมรรถนะที่น่าทึ่งแล้ว M5 ใหม่ ยังมีงานออกแบบที่เปี่ยมด้วยความสง่างามในสไตล์สปอร์ตตัวแรง ด้วยซุ้มล้อและสเกิร์ตข้างที่เด่นสะดุดตา ล้ออัลลอยน้ำหนักเบาแบบ M ขนาด 20 นิ้วที่คู่หน้า และ 21 นิ้วที่คู่หลัง ในดีไซน์ Double spoke สีดำ กันชนหน้าที่มีเส้นสายบึกบึน และโลโก้ M5 ที่ประทับนูนอยู่บนส่วน Hofmeister kink

ส่วนห้องโดยสารได้รับการตกแต่งด้วยองค์ประกอบที่คัดสรรมาสำหรับรถยนต์ตระกูล M โดยเฉพาะ เพื่อเน้นย้ำถึงบุคลิกหลากมิติที่ผสมผสานความหรูและแรงเข้าด้วยกันอย่างลงตัว แผงควบคุมบนคอนโซลกลางของ M5 ใหม่ ประกอบด้วยปุ่มควบคุมฟังก์ชันเฉพาะรุ่นมากมายที่พร้อมให้ผู้ขับขี่ใช้ปรับแต่งการทำงานของตัวรถในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกโหมดทำงานของเครื่องยนต์ ระบบ Drivelogic ช่วงล่าง พวงมาลัย เบรก หรือระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive รวมถึงระดับการทำงานของระบบสร้างพลังงานคืนจากเบรก (brake energy regeneration) โดยสามารถเซฟการตั้งค่าเป็นพรีเซ็ตได้สองแบบเพื่อเรียกใช้งานได้ทันทีผ่านปุ่ม M บนพวงมาลัย และขณะเปลี่ยนโหมดการขับขี่จากโหมด ROAD ซึ่งเป็นโหมดมาตรฐาน เป็น SPORT จะทำให้มีการจำกัดการทำงานของระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ให้เหลือเฉพาะระบบที่จำเป็น เพื่อรีดเอาความสปอร์ตขั้นสุดออกมา รวมถึงการปรับรูปแบบการแสดงผลบนหน้าจอด้วยเช่นกัน

ปุ่ม M Hybrid ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ในรุ่นนี้ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกระหว่างโหมด HYBRID ที่ผสมผสานพละกำลังจากเครื่องยนต์สันดาปและมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างชาญฉลาด เพื่อเสริมทั้งความประหยัดพลังงานและสมรรถนะให้เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ และโหมด ELECTRIC ที่จะใช้งานเครื่องยนต์สันดาปเฉพาะเมื่อผู้ขับเหยียบคันเร่งจนสุดหรือใช้แป้นเปลี่ยนเกียร์เท่านั้น ส่วนโหมด eCONTROL เน้นการดึงพลังงานคืนจากระบบเบรก เพื่อรักษาระดับแบตเตอรี่ให้คงที่ เมี่อกดปุ่ม DSC ตัวรถจะเปิดใช้งาน M Dynamic Mode ซึ่งระบบ DSC จะช่วยควบคุมระบบเบรกและลดกำลังเครื่องยนต์ หรืออาจเลือกปิดการทำงาน DSC โดยสมบูรณ์ก็ได้เช่นกัน ขณะที่ระบบ M Drive Professional จะเปิดให้ผู้ขับขี่เลือกโหมด TRACK และใช้งานฟีเจอร์เพิ่มเติมที่เน้นการขับขี่ที่ระดับสมรรถนะสูงสุดอย่าง M Laptimer และ Boost Control

BMW M5 ใหม่ ยกระดับความมั่นใจและความสะดวกสบายในการขับขี่ประจำวันขึ้นไปอีกขั้น ด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบช่วยจอดอัตโนมัติที่หลากหลายยิ่งขึ้น พร้อมระบบมาตรฐานที่ครบเครื่องทั้งระบบ Driving Assistance Professional ระบบเตือนการชนด้านหน้า ระบบเตือนการออกนอกเลนที่สามารถพารถกลับเข้าเลนด้วยการช่วยบังคับพวงมาลัย ระบบช่วยหลบหลีกสิ่งกีดขวาง ระบบตรวจจับความตื่นตัวของผู้ขับขี่ และระบบแสดงความเร็วจำกัด เมื่อถึงจุดหมายแล้ว รวมถึงฟังก์ชัน Parking Assistant Professional และ Reversing Assistant ที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่จัดการกับทุกพื้นที่จอดรถได้อย่างง่ายดาย นอกเหนือจากระบบช่วยเหลือต่าง ๆ เหล่านี้แล้ว ห้องโดยสารของ M5 ใหม่ ยังมาพร้อมพวงมาลัยหนัง M ดีไซน์ใหม่ในรูปทรงตัดขอบล่างพร้อมปุ่ม M แบบมีไฟส่องสว่าง เบาะนั่ง M multifunction และจอแสดงผลโค้ง BMW Curved Display ที่รองรับการแสดงข้อมูลเฉพาะสำหรับรถยนต์ตระกูล M ส่วนระบบควบคุม BMW iDrive เวอร์ชันอัปเกรด เปิดให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถโต้ตอบกับระบบต่าง ๆ ของรถผ่านการสัมผัสและการสั่งด้วยเสียง บรรยากาศภายในห้องโดยสารยังโอ่อ่าและหรูหราด้วยเบาะหนัง Merino ที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน ระบบควบคุม BMW Interaction Bar ระบบปรับอากาศแบบ 4 โซน และชุดไฟห้องโดยสารที่ออกแบบมาพิเศษสำหรับรถยนต์ตระกูล M ด้านความสะดวกสบายและความบันเทิง บีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่ยังมาพร้อมระบบเสียง Bowers & Wilkins Surround Sound แท่นชาร์จไร้สาย ระบบ Comfort Access และระบบเปิด-ปิดฝากระโปรงท้ายอัตโนมัติ

BMW M4 CS ใหม่
ราคา: 14,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standard)
ไลน์อัพ BMW M ในประเทศไทย ยังต้อนรับน้องใหม่ตัวแรงอย่าง BMW M4 CS ซึ่งถือเป็นรุ่นพิเศษที่ยกระดับสมรรถนะของ M4 คูเป้ ให้ส่งมอบความแรงในระดับรถแข่ง ที่แฝงอยู่ในรถซาลูน 4 ที่นั่ง โดย M4 CS ใหม่ เป็นรุ่นอยู่ระหว่างรุ่น M4 Competition Coupe และ M4 CSL ทั้งยังผ่านการพิสูจน์ความเร็วมาแล้วจากสนาม Nürburgring Nordschleife อันเลื่องชื่อ ด้วยเวลารอบเพียง 7 นาที 21.989 วินาที

เพียงแรกเห็น ทุกคนต้องสัมผัสได้ถึงความสปอร์ตในสไตล์รถแข่งของ M4 CS ใหม่ ที่ดูโฉบเฉี่ยวสมกับเครื่องยนต์ 6 สูบเรียงอันทรงพลังที่ซ่อนอยู่ภายใน เครื่องยนต์กำลังสูงขนาด 3.0 ลิตรพร้อมเทคโนโลยี M TwinPower Turbo ในเวอร์ชั่นที่พัฒนาขึ้นสำหรับ M3 และ M4 โดยเฉพาะ และยังเป็นเครื่องยนต์ที่เป็นรากฐานของการพัฒนารถแข่งจาก M4 GT3 จึงได้รับเทคโนโลยีสุดล้ำจาก BMW M มาอย่างเต็มตัว พร้อมเผชิญกับโจทย์ที่ท้าทายระดับเดียวกับการลงสนามแข่ง ด้วยพละกำลัง 405 กิโลวัตต์ / 551 แรงม้า ซึ่งสูงกว่าในรุ่น M4 Competition Coupe อยู่ 15 กิโลวัตต์ / 20 แรงม้า ด้วยการปรับจูนเฉพาะระบบ M TwinPower Turbo เท่านั้น ส่วนแรงบิดสูงสุดที่ 650 นิวตันเมตร ส่งกำลังได้ต่อเนื่องยิ่งขึ้นที่รอบเครื่องตั้งแต่ 2,750 ไปจนถึง 5,950 รอบต่อนาที

การตอบสนองที่ฉับไวและรอบเครื่องยนต์ที่สูงช่วยให้ M4 CS มีอัตราเร่งในระดับแถวหน้า สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ใน 3.4 วินาที และใช้เวลาเพียง 11.1 วินาทีเพื่อเร่งความเร็วจาก 0-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 302 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แรงบิดมหาศาลจากเครื่องยนต์ตัวนี้ เดินทางสู่ล้อทั้งสี่ผ่านระบบเกียร์ M Steptronic 8 จังหวะ พร้อมเทคโนโลยี Drivelogic ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถปรับแต่งการทำงานของเกียร์ให้เข้ากับการขับในวันสบาย ๆ รวมถึงการขับขี่แบบสปอร์ต หรือการออกไปโลดแล่นในสนามแข่ง ขณะที่ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพเพื่อให้ตัวรถเกาะถนน เคลื่อนตัวได้อย่างคล่องแคล่วและแม่นยำในทุกสถานการณ์ ส่วนการส่งกำลังแบบเน้นไปที่ล้อหลังก็เติมความสนุกในการขับขี่ในสไตล์ M ได้อย่างเต็มเปี่ยม โดยเฉพาะขณะเร่งความเร็วหรือเข้าโค้ง และแน่นอนว่าเมื่อปรับไปยังโหมด 2WD ผู้ขับขี่สามารถเลือกปิดระบบ DSC โดยสมบูรณ์ และส่งกำลังเครื่องยนต์ทั้งหมดไปยังล้อหลังเพื่อความสนุกแบบเต็มพิกัด

แชสซีของ M4 CS ใหม่ ออกแบบและปรับแต่งมาในทุกรายละเอียดเพื่อให้เข้ากับสมรรถนะของเครื่องยนต์ แนวคิดของการผสมผสานรถยนต์นั่งเข้ากับรถแข่ง และการกระจายน้ำหนักของตัวรถ เช่น คานค้ำยันช่วงล่างด้านหน้าที่พัฒนามาให้มีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งและทนทานต่อแรงเหวี่ยงของตัวถัง จึงส่งผลให้ตัวรถเข้าโค้งได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น ขณะที่ระบบกันสะเทือนในช่วงล่าง Adaptive M ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับแต่งมาสำหรับ M4 CS โดยเฉพาะ เช่นเดียวกับพวงมาลัยไฟฟ้า M Servotronic ที่มีอัตราทดแปรผัน และระบบเบรก ส่วนโหมด M Dynamic มอบทางเลือกให้ผู้ขับขี่ปลดล็อกสมรรถนะสูงสุดของตัวรถ ด้วยการลดระดับการทำงานของระบบ DSC ลง

M4 CS ใหม่ มาพร้อมกับเบรก M Carbon Ceramic เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เข้าชุดกับล้ออัลลอย M น้ำหนักเบาในดีไซน์ Star-spoke และยางสมรรถนะสูงสำหรับสนามแข่ง ส่วนตัวถังมีการเลือกใช้วัสดุและแนวคิดด้านวิศวกรรมที่มุ่งเน้นการลดน้ำหนักของตัวรถลง รวมถึงการใช้วัสดุ CFRP (คาร์บอนไฟเบอร์) ที่หลังคา กระโปรงหน้า สปลิตเตอร์และช่องลมด้านหน้า ฝาครอบกระจกมองข้าง

ดิฟฟิวเซอร์และสปอยเลอร์ท้ายรถ ต่างช่วยให้ศูนย์กลางแรงโน้มถ่วงของ M4 CS ใหม่ ลดระดับลงใกล้พื้นถนนมากยิ่งขึ้นเพื่อความคล่องตัว ส่วนในห้องโดยสารก็ยังมีการใช้วัสดุ CFRP ในหลายจุด ทั้งบริเวณคอนโซลกลาง แป้นเปลี่ยนเกียร์ องค์ประกอบตกแต่งพื้นผิวภายในต่าง ๆ หรือแม้แต่โครงสร้างของเบาะนั่งแบบ M Carbon โดยทั้งหมดนี้ช่วยให้ M4 CS ใหม่ มีน้ำหนักน้อยกว่าเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง M4 Competition Coupe M xDrive ราว 15 กิโลกรัม

M4 CS ใหม่ ไม่ได้เป็นดาวเด่นในสนามแข่งเท่านั้น แต่ยังพร้อมดึงดูดสายตาทุกคู่บนท้องถนน เริ่มตั้งแต่ สีตัวถังใหม่จาก BMW Individual ได้แก่ น้ำเงิน Riviera Blue และเขียว Frozen Isle of Man Green Metallic ที่มีให้เลือกเฉพาะในรุ่นนี้เท่านั้น หรือจะเลือกลุคที่นวลตากว่าด้วยสีเทา M Brooklyn Grey Metallic และดำ Sapphire Black Metallic พร้อมแต่งแบบตัดสีด้วยผิวหน้าคาร์บอนไฟเบอร์ในบางจุด ส่วนกระจังหน้าก็มาในรูปแบบน้ำหนักเบาและไร้กรอบ แต่งด้วยเส้นกรอบสีแดงและตราชื่อรุ่น M4 CS ในสไตล์ที่คล้ายคลึงกับรถแข่ง ขนาบข้างด้วยไฟหน้าที่มีไฟส่องสว่างเวลากลางวันในโทนสีเหลืองเหมือนกับรถแข่ง GT ส่วนไฟท้าย ยกเทคโนโลยี BMW Laserlight ที่เคยเปิดตัวไปในรุ่น M4 CSL มาสร้างเอกลักษณ์ด้วยเอฟเฟกต์ไฟท้ายแบบสามมิติ

ในห้องโดยสาร M4 CS ใหม่ มุ่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้ขับขี่ในทุกภารกิจ ด้วยพวงมาลัย M Alcantara แบบสามก้านตัดขอบล่าง ที่ไม่เพียงจับถนัดมือแต่ยังแต่งแต้มด้วยองค์ประกอบที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสนามแข่ง เช่น เครื่องหมายสีแดงแทนจุดกึ่งกลางของพวงมาลัย และแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่ทำจาก CFRP

ส่วนเบาะนั่งแบบ M Carbon bucket seat หุ้มด้วยหนัง Merino สีดำตัดกับตะเข็บสีแดง จึงเข้ากับโทนสีดำ-แดงในส่วนอื่นๆ ของห้องโดยสารได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นโลโก้ CS สีแดงที่คอนโซลกลาง ป้ายอักษร M4 CS ที่ขอบประตูรถ เข็มขัดนิรภัยแบบ M ที่แต่งแถบสีประจำตัวของบีเอ็มดับเบิลยู M เพดานสีดำ Anthracite พร้อมแต่งพื้นผิวภายในห้องโดยสารด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ ผสมผสานเป็นบรรยากาศของความสปอร์ตอย่างเต็มตัว

หน้าจอควบคุมที่ใช้ระบบ BMW iDrive รุ่นล่าสุด พร้อมฟังก์ชันการสั่งงานจากระบบปฏิบัติการ BMW Operation System 8.5 ทำให้การใช้งานฟังก์ชันและบริการดิจิทัลต่าง ๆ ทั้งสะดวกรวดเร็ว สำหรับผู้ขับขี่ หน้าจอโค้ง BMW Curved Display จะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับสมรรถนะของรถในสไตล์เดียวกับรถยนต์ตระกูล M รุ่นอื่น ๆ และยังจัดวางหน้าจอให้หันมาทางผู้ขับขี่เล็กน้อย จึงสามารถอ่านจอได้โดยไม่ต้องละสายตาจากท้องถนนข้างหน้า เช่นเดียวกับหน้าจอ Information Display ขนาด 12.3 นิ้วบริเวณหลังพวงมาลัย และจอ Control Display ขนาด 14.9 นิ้ว โดยมีไฟ M Shift Lights ช่วยให้สัญญาณเปลี่ยนเกียร์ติดตั้งอยู่ด้านบนจอ Information Display ที่อยู่เหนือพื้นที่สำหรับการควบคุมฟังก์ชันต่าง ๆ ของตัวรถ ระดับการยึดเกาะถนน และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive ที่ปรากฏบนหน้าจอด้านล่าง

ปุ่มควบคุมที่บริเวณคอนโซลหน้าก็ได้รับออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การขับขี่สไตล์ M เช่นกัน โดยมีปุ่มสำหรับเข้าตั้งค่าเครื่องยนต์ แชสซี พวงมาลัย เบรก และระบบ M xDrive อย่างครบครัน ทั้งยังสามารถเซฟการตั้งค่าเป็นพรีเซ็ตได้ 2 ชุด เพื่อเรียกใช้ทันทีจากปุ่ม M สองปุ่มบนพวงมาลัย ส่วนระบบ M Drive Professional ก็เพิ่มฟังก์ชันเฉพาะทางสำหรับ
การลงสนามแข่ง เช่น M Drift Analyser ที่บันทึก วิเคราะห์ และให้คะแนนการดริฟต์เข้าโค้งในแต่ละครั้ง M Laptimer ฟังก์ชันจับเวลารอบสนามเพื่อแชร์กับเพื่อน ๆ นักขับ และ M Traction Control ที่เลือกระดับการทำงานได้ถึง 10 ระดับ

นอกจากนี้ ปุ่ม M Mode ที่คอนโซลกลาง ยังเป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันที่มาพร้อมกับระบบ M Drive Professional โดยผู้ขับสามารถใช้ปุ่มนี้ตั้งค่าระบบช่วยเหลือการขับขี่และเลือกข้อมูลที่จะแสดงผลที่หน้าจอ Information Display และ Head-Up Display ได้ ส่วนโหมดการขับขี่ M4 CS ใหม่ ไม่ได้รองรับเพียงโหมดมาตรฐานอย่าง ROAD และ SPORT เท่านั้น แต่ยังมีโหมด TRACK ติดตั้งมาให้สำหรับการขับขี่ในสนามแข่งอีกด้วย

2
ฉนวนกันความร้อน: โรงงานร้อนเกินไป เกิดจากปัจจัยอะไรได้บ้าง?

ปัญหา “โรงงานร้อน” นั้น ถือเป็นปัญหาสำคัญที่ผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมไม่ควรมองข้าม เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ จะส่งผลเสียต่อการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ อาจทำให้พนักงานเจ็บป่วยเกิดอันตราย

อีกทั้งยังทำให้ต้นทุนการผลิตการทำงานในโรงงานสูงขึ้นได้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับค่าไฟที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ หากโรงงานยังร้อนขึ้น

โดยไม่ได้รับการแก้ไขควบคุมอุณหภูมิความร้อนภายในโรงงานให้ดีขึ้น โดย 5 ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลทำให้โรงงานร้อนเกินไปจนเป็นปัญหานั้น ได้แก่


1.ทรงหลังคาโรงงานไม่เหมาะสม

เนื่องจากหลังคาเป็นพื้นที่ส่วนบทสุดที่อยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์มากที่สุด จึงทำให้เป็นจุดสะสมความร้อนที่สำคัญ ที่หากออกแบบและควบคุมไม่ดี ก็จะทำให้ความร้อนสะสมเข้าสู่ภายในโรงงานได้

โดยหลังคาทรงจั่ว แหลม หรือ ทรงปั้นหยานั้น จะช่วยลดการสะสมความร้อนได้ดี มากกว่า หลังคาแบบแบนราบเป็นสี่เหลี่ยมไปเลย เพราะเมื่อหลังคาแบนราบ

ไม่ว่าจะช่วงเวลาใดในตอนกลางวัน แสงอาทิตย์ก็จะส่งตรงถึงหลังคาได้รอบด้านทั่วถึง ทำให้สะสมความร้อนได้มากกว่า และนอกจากทรงหลังคาแล้ว พื้นที่โถงหลังคาก็มีส่วนสำคัญเช่นกันในการสะสมความร้อน

โดยหากโรงงานไม่มีพื้นที่โถงหลังคาเลย หรือมีพื้นที่โถงหลังคาน้อย ความร้อนจากหลังคาก็จะทะลุผ่านไปยังตัวโรงงานได้เลยอย่างรวดเร็ว จึงทำให้อากาศในโรงงานร้อนง่ายมากขึ้น


2.โครงสร้างวัสดุโรงงานไม่เอื้อต่อการกันความร้อน

ไม่ว่าจะเป็นหลังคา หรือผนัง การเลือกใช้วัสดุที่แตกต่างกันในการสร้างโรงงาน มีผลโดยตรงต่อการทำให้โรงงานร้อนมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น หลังคาเมทัลชีท มีคุณสมบัติในการดูดซับความร้อนได้มากกว่า หลังคาคอนกรีต หรือ หลังคาเซรามิก หรือในส่วนของผนัง

หากเป็นโรงงานที่สร้างด้วยอิฐมวลเบา ก็จะร้อนน้อยกว่า ระบบผนังแบบ Precast เป็นต้น ดังนั้น ตั้งแต่เริ่มต้นของการสร้างโรงงาน หากเลือกใช้วัสดุที่ไม่ได้คำนึงถึงเรื่องการควบคุมความร้อนเลย ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสทำให้โรงงานร้อนมากขึ้นได้


3.ทิศที่ตั้งของโรงงานไม่เป็นไปตามหลักสภาพภูมิศาสตร์

จริงๆ แล้วโรงงานก็เหมือนกับบ้าน ที่เวลาเราเลือกซื้อบ้าน หรือสร้างบ้านนั้นจะต้องดูทิศทางด้วย โดยความรู้ที่แนะนำให้ลจดจำกันมาตลอดก็คือ ทิศตะวันตก ทิศใต้ บ้านจะร้อน ทิศเหนือ ทิศตะวันออก บ้านจะเย็น เพราะ ทิศใต้กับทิศตะวันตกจะรับแดดบ่าย ซึ่งแรงกว่าแดดเช้า

ดังนั้น เอง ในแง่ของการสร้างโรงงาน ทิศที่ตั้งก็มีส่วนสำคัญต่อความร้อนภายในโรงงานเช่นกัน โดยเฉพาะห้องเครื่องจักรที่เป็นแหล่งกำเนิดความร้อนมากๆ ก็ไม่ควรให้หันไปทางทิศตะวันตก

ทิศใต้ เพราะจะยิ่งทำให้รับแดดบ่ายมากขึ้น ทวีคูณความร้อนมากขึ้น จนกระจายแพร่ไปยังพื้นที่อื่นๆ ของโรงงานได้มากขึ้น อุณหภูมิภาพรวมของโรงงานสูงขึ้นได้นั่นเอง


4.ไม่มีร่มเงารอบโรงงานเลย

โดยทั่วไปแล้วโรงงานอุตสหกรรมมักตั้งอยู่บนพื้นที่โล่งๆ กว้างๆ แบบ Stand Alone ซึ่งมองผิวเผินเหมือนจะดีที่ได้พื้นที่เยอะๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว พื้นที่โล่งๆ ไม่มีสิ่งแวดล้อมรอบด้าน ไม่มีต้นไม้ ไม่มีร่มเงา ก็มีผลต่อการทำให้อุณหภูมิภายในโรงงานสูงขึ้น

ดังนั้น หากต้องการให้โรงงานเย็นขึ้น การปลูกต้นไม้ การสร้างสภาพแวดล้อมรอบโรงงานให้มีร่มเงา ให้ช่วยกรองแดด กำบังลมร้อนได้บ้าน ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม


5.ไม่มีการติดตั้งฉนวนกันความร้อน

ฉนวนกันความร้อนสำหรับโรงงาน ไม่ว่าจะเป็น ฉนวนกันความร้อนฝ้าเพดาน ติดใต้หลังคา ฉนวนกันความร้อนสำหรับผนัง เสริมให้ผนังโรงงานกันความร้อนได้ดีขึ้น ฉนวนกันความร้อนสำหรับระบบปรับอากาศ

สำหรับเตาหลอม หรือเครื่องจักรอุณหภูมิสูง ฯลฯ ถือเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้โรงงานอุตสาหกรรมมีอุณหภูมิลดต่ำลงได้ ซึ่งเมื่อโรงงานร้อนน้อยลง การทำงานของพนักงานก็ราบรื่นขึ้น ปลอดภัยขึ้น และประหยัดไฟได้มากขึ้น ต้นทุนในการผลิตก็จะลดลง มีกำไรได้มากขึ้น

ในความเป็นจริงแล้ว หากผู้ประกอบการวางแผนออกแบบการสร้างโรงงานให้สามารถควบคุมและระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพตั้งแต่ต้น ก็จะแก้ไขปัญหาโรงงานร้อนเกินได้เป็นอย่างดี

แต่เพราะโดยส่วนใหญ่ไม่ได้คำนึงถึงปัญหานี้มาก่อน จึงทำให้ไม่สามารถกลับไปรื้อถอนสร้างโรงงานใหม่ได้ แต่กระนั้น แนวทางในการแก้ไขปัญหาก็ยังทำได้อยู่ และไม่ยากอย่างที่คิด ด้วยการติดตั้งฉนวนกันความร้อนที่มีคุณภาพ

ในจุดสำคัญของโรงงาน ใช้บริการผู้เชี่ยวชาญด้านฉนวนกันความร้อนให้เข้าสำรวจพื้นที่ ตรวจสอบและออกแบบแนวทางในการแก้ไขให้ถูกต้อง ก็จะสามารถพลิกฟื้นให้โรงงานร้อนกลับมามีบรรยากาศสดใสและเย็นร่มรื่นได้

3
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479



4
วิธีสร้างรายได้จากครัวที่บ้านด้วยการตลาดออนไลน์ เปลี่ยนความหลงใหลให้กลายเป็นธุรกิจ

การเติบโตของแพลตฟอร์มออนไลน์ได้เปิดโอกาสมากมายให้กับผู้ปรุงอาหารที่บ้านและผู้ที่ชื่นชอบอาหารในการเปลี่ยนความหลงใหลของตนให้กลายเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำเบเกอรี่ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเตรียมอาหาร หรือผู้ผลิตซอสโฮมเมด การตลาดออนไลน์สามารถช่วยให้คุณเข้าถึงลูกค้าและสร้างรายได้โดยตรงจากห้องครัวของคุณได้

การสร้างรายได้จากครัวที่บ้านและการตลาดออนไลน์เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการเริ่มต้นธุรกิจของคุณเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคดิจิทัลที่ผู้คนนิยมสั่งอาหารออนไลน์มากขึ้น นี่คือวิธีเริ่มต้น:
1. ระบุกลุ่มเป้าหมายของคุณ
ก่อนที่จะเริ่มธุรกิจเกี่ยวกับครัวที่บ้าน คุณควรพิจารณาว่าอะไรที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ของคุณมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ลองพิจารณาเชี่ยวชาญในด้านต่อไปนี้:
เบเกอรี่โฮมเมด (เค้ก คุกกี้ ขนมปัง)
บริการเตรียมอาหาร (อาหารเพื่อสุขภาพ ทางเลือกสำหรับผู้ควบคุมอาหาร)
ซอสหรือเครื่องปรุงรสพิเศษ
ผลิตภัณฑ์อาหารอินทรีย์หรือจากแหล่งท้องถิ่น
กลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีความชัดเจนจะช่วยให้คุณโดดเด่นในตลาดที่มีการแข่งขันและดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้

2. สร้างการปรากฏตัวออนไลน์ที่แข็งแกร่ง
การมีตัวตนทางออนไลน์ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำตลาดธุรกิจเครื่องครัวในบ้านของคุณ นี่คือวิธีสร้างตัวตนทางออนไลน์:

สร้างเว็บไซต์
เว็บไซต์ทำหน้าที่เป็นหน้าร้านออนไลน์ของคุณ ซึ่งลูกค้าสามารถเรียกดูเมนู สั่งซื้อ และเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกิจของคุณได้ ใช้แพลตฟอร์มเช่น Shopify, Wix หรือ WordPress เพื่อสร้างเว็บไซต์ที่น่าดึงดูดและใช้งานได้จริง

ใช้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดีย
แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram และ TikTok เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการโปรโมตผลิตภัณฑ์ของคุณ ลองพิจารณาสิ่งต่อไปนี้:

โพสต์รูปภาพและวิดีโอคุณภาพสูงของอาหารของคุณ
การแบ่งปันคำรับรองและบทวิจารณ์ของลูกค้า
การจัดโปรโมชั่นหรือแจกของรางวัลเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วม
การใช้แฮชแท็กและการกำหนดเป้าหมายในพื้นที่เพื่อเข้าถึงลูกค้าเป้าหมาย
3. ใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มการจัดส่งอาหารออนไลน์
การลงทะเบียนบนแพลตฟอร์มจัดส่งอาหาร เช่น UberEats, GrabFood หรือบริการจัดส่งในพื้นที่สามารถกระตุ้นยอดขายได้อย่างมาก หากคุณต้องการวิธีการจัดส่งโดยตรง การให้บริการจัดส่งผ่านเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดียก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง

4. เสนอตัวเลือกการสั่งซื้อและชำระเงินออนไลน์
ทำให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อได้ง่ายขึ้นโดยการผสานรวมระบบการชำระเงินออนไลน์ เช่น PayPal, Stripe หรือการโอนเงินผ่านธนาคาร ความสะดวกนี้จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้าจากคุณมากขึ้น

5. ใช้การตลาดผ่านอีเมล์และ SMS
สร้างฐานข้อมูลลูกค้าและส่งโปรโมชั่น ข้อเสนอพิเศษ หรือการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ทางอีเมลหรือ SMS วิธีนี้จะทำให้ลูกค้านึกถึงธุรกิจของคุณและกระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำ

6. ร่วมมือกับผู้มีอิทธิพลและบล็อกเกอร์
การร่วมมือกับบล็อกเกอร์ด้านอาหาร ผู้มีอิทธิพลทางความคิด หรือผู้ใช้ YouTube อาจช่วยเพิ่มการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์ได้ บทวิจารณ์เชิงบวกหรือการกล่าวถึงอย่างเหมาะสมสามารถดึงดูดผู้เข้าชมมายังธุรกิจของคุณได้

7. ขายผ่านตลาดออนไลน์
ลองลงรายการผลิตภัณฑ์ของคุณบนแพลตฟอร์มเช่น Etsy (สำหรับสินค้าอบและอาหารพิเศษ) Amazon หรือ Facebook Marketplace เพื่อขยายการเข้าถึงของคุณให้ไกลออกไปนอกกลุ่มลูกค้าในพื้นที่

8. ลงโฆษณาแบบจ่ายเงิน
หากคุณต้องการขยายธุรกิจอย่างรวดเร็ว การลงโฆษณาแบบกำหนดเป้าหมายบน Facebook, Instagram และ Google จะช่วยดึงดูดผู้เข้าชมและยอดขายได้มากขึ้น ตั้งค่าโฆษณาด้วยภาพที่น่าสนใจและข้อเสนอที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดผู้ซื้อ

การเปลี่ยนครัวในบ้านของคุณให้กลายเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้ง่ายกว่าที่เคยด้วยการตลาดออนไลน์ ด้วยการใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มดิจิทัล โซเชียลมีเดีย และบริการจัดส่งอาหาร คุณสามารถเพิ่มฐานลูกค้าที่ภักดีและสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอได้ เริ่มจากสิ่งเล็กๆ เน้นที่คุณภาพ และใช้กลยุทธ์การตลาดเพื่อขยายธุรกิจของคุณในระยะยาว


5
ซ่อมบำรุงอาคาร: พัดลมไอเย็นกับแอร์ ต่างกันอย่างไร

 ในปัจจุบัน เครื่องใช้ไฟฟ้าถือว่ามีความจำเป็นอย่างมากของคนในยุคนี้ เพราะเครื่องใช้ไฟฟ้าสามารถอำนวยความสะดวกสบายต่างๆ หลายบ้านมีแอร์ใช้ เพื่อทำให้รู้สีกสบาย ท่ามกลางอากาศที่ร้อนมากในบ้านเรา เชื่อว่า แอร์เป็นสิ่งจำเป็นที่หลายบ้านนิยมใช้กัน แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีหลายบ้านที่เลือกใช้งานเครื่องทำความเย็นชนิดอื่นที่คิดว่าน่าจะมีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่าการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ เพราะเครื่องปรับอากาศหรือแอร์ หากติดตั้งแล้วจะต้องบำรุงรักษา และต้องเสียค่าไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก ซึ่งเครื่องทำความเย็นที่หลายบ้านก็นิยมใช้กันเช่น พัดลมไอเย็น ก็ถือว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สามารถนำความเย็นมาสู่ร่างกายได้เหมือนกัน

แต่ถ้าหากจะให้เลือกซื้อเลือกใช้ระหว่าง พัดลมไอเย็นและแอร์ ก็ควรจะต้องทราบถึงรายละเอียดของข้อดี ข้อเสียของเครื่องใช้ทั้งสองชนิดนี้เสียก่อน เพื่อที่จะได้ตัดสินใจเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมกับสถานที่ วัตถุประสงค์เพื่อช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าอีกด้วย ซึ่งเครื่องทำความเย็นทั้งสองชนิดนี้ก็มีความแตกต่างกัน
ซึ่งการเลือกใช้ก็อยู่ที่ความสะดวกของแต่ละบุคคล โดยวันนี้ ทางเราจะมาพูดถึงเครื่องทำความเย็นทั้งสองชนิดนี้ว่า มีความแตกต่างกันอย่างไร ระหว่างพัดลมไอเย็นกับแอร์ ที่เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่หลายคนให้ความสนใจ เพื่อที่จะนำมาใช้คลายร้อนในช่วงหน้าร้อน

 ก่อนอื่นเราจะมาพูดถึง พัดลมไอเย็นก่อนว่า มีการทำงานอย่างไร อย่างแรกที่ต้องทำความเข้าใจคือ พัดลมไอเย็นไม่ใช่พัดลมไอน้ำ แต่เป็นพัดลมที่ทำงานด้วยการดึงเอาความร้อนที่อยู่ด้านนอกให้เข้ามา เมื่อผ่านแผ่นทำความเย็นด้านใน ขณะที่น้ำสัมผัสกับแผงรังผึ้ง น้ำบนแผ่นก็จะระเหยออกและกลับเปลี่ยนเป็นไอเย็นออกมา

ซึ่งจะช่วยลดอุณหภูมิในห้องให้เย็นลงได้ โดยไม่ทำให้บริเวณที่ได้รับความเย็นชนิดนี้รู้สึกฉ่ำหรือมีความชื้นในอากาศ ข้อดี ข้อเสียของพัดลมไอเย็น แม้จะช่วยทำให้อากาศเย็นลงได้ แต่ก็จะต้องใช้แรงลมเป่ามาที่ผู้ใช้ และลมที่พัดมาจะไม่มีละอองหรือความชื้นของน้ำ ให้ความรู้สึกเหมือนลมธรรมชาติ แต่จะไม่เย็นฉ่ำเท่าการใช้แอร์

เคลื่อนย้ายง่าย สะดวก เหมาะที่จะใช้กับบริเวณที่โล่ง แต่ก็สามารถใช้กับบริเวณสถานที่ที่ปิดไม่มีจุดเปิดโล่งก็ได้ ถ้าเป็นบริเวณพื้นที่ปิด ไม่โล่งโปร่ง แนะนำว่าไม่ควรใช้ต่อเนื่องแบบยาวนาน เพราะอาจเกิดมีเชื้อราเกิดขึ้นได้ อีกทั้งยังมีเสียงดังอีกด้วย ประหยัดน้ำ เพราะมีน้ำในระบบอยู่แล้ว กินไฟน้อยเท่าพัดลมธรรมดา ช่วยประหยัดค่าไฟได้ การดูแลรักษาทำได้ง่ายกว่าแอร์

ดังนั้น จึงประหยัดค่าบำรุงรักษากว่าแอร์ ในขณะที่การทำงานของแอร์นั้นมีความซับซ้อนมากกว่า โดยทำงานด้วยการใช้คอมเพรสเซอร์ให้ดูดลมร้อนจากภายนอกให้เข้ามา จากนั้นจะใช้น้ำยาแอร์หรือสารทำความเย็นอัด เพื่อทำให้เกิดลมเย็นเข้าที่ตัวแอร์ เมื่อลมเย็นปล่อยออกมาสู่ภายนอก ก็จะทำให้อุณหภูมิภายในบริเวณนั้นลดลงได้เป็นอย่างดี

ข้อดีและข้อเสียคือ แอร์ให้ความเย็นที่จัด เย็นสบายมากกว่าพัดลม แต่ก็เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าสูง ดังนั้น จึงเปลืองไฟมากกว่าพัดลมไอเย็น เคลื่อนย้ายได้ยากและด้วยการทำงานที่ซับซ้อน จึงทำให้การบำรุงรักษาทำได้ยากกว่า แต่ข้อดีคือมีมีเสียงเบา
เหมาะในการใช้ในสถานที่ที่ปิด และจะต้องดูขนาดหรือกำลังให้พอเหมาะกับขนาดของพื้นที่ที่จะใช้ให้เหมาะสมอีกด้วย เพราะหากแอร์มีขนาดเล็กเกินไปก็จะทำให้ห้องนั้นๆ มีความเย็นไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้น ต้องเลือกอย่างเหมาะสม เพื่อให้ประหยัดค่าใช้จ่ายและทำให้แอร์ทำงานไม่หนัก

 อย่างไรก็ตาม ทางเรามีบริการทำความสะอาด เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมในสถานที่ทำงานให้สะอาด สะดวก และถูกสุขลักษณะ มีบริการทำความสะอาดในเขตควบคุมเชื้อ เพราะการทำความสะอาดทั่วไปนั้น ไม่เพียงพอ

จึงต้องมีการทำความสะอาดแบบควบคุมการติดเชื้อเพื่อสุขอนามัยขั้นสูงที่ได้รับมาตราฐานและสามารถป้องกันการแพร่เชื้อได้ รวมไปถึงการทำความสะอาดห้องต่างๆ เป็นการดูแลสุขภาพและความปลอดภัย ของร่างกายอีกทางหนึ่งด้วย เพราะเราอยากให้ทุกคนได้อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีความสะอาด มีบรรยากาศที่ดี รวมไปถึงสิ่งแวดล้อมที่สบายตาเพื่อให้ได้มีสุขภาพแข็งแรงและมีความสุข

6
townhome โมติ ทาวน์ สุขุมวิท-แพรกษา (Moti Town Sukhumvit-Praksa)
เริ่มต้น 2.69 ลบ.

โมติ ทาวน์ สุขุมวิท-แพรกษา (Moti Town Sukhumvit-Praksa)
Moti Town สุขุมวิท-แพรกษา โครงการทาวน์โฮม 2 ชั้น สไตล์ Modern Nordic Style เป็นบ้านที่มาพร้อมฟังก์ชันครบครัน ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ ด้วยพื้นที่ใช้สอยที่ใช้งานได้จริง และมาพร้อมห้อง Multi-Function ที่ห้องใต้หลังคา ทำเลดีใกล้ BTS สถานีแพรกษาเพียง 10 นาที

รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ            โมติ ทาวน์ สุขุมวิท-แพรกษา (Moti Town Sukhumvit-Praksa)
 เจ้าของโครงการ       แรพพิด
 ราคา                    เริ่มต้น 2.69 ลบ.

ประเภทบ้าน          ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม (Townhouse Townhome)
 ลักษณะทำเล        บ้านใกล้เมือง
 พื้นที่โครงการ       24 ไร่ 2 งาน 54 ตร.ว.
 จำนวนบ้าน          239 หลัง
 แบบบ้านทั้งหมด    2 แบบ
  เนื้อที่บ้าน           ตั้งแต่ 19 ถึง 21.66 ตร.ว.
 พื้นที่ใช้สอย         ตั้งแต่ 92 ถึง 101 ตร.ม.
 จำนวนชั้น            2 ชั้น

หน้ากว้าง           โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนห้องนอน     ตั้งแต่ 2 ถึง 3 ห้อง
 จำนวนที่จอดรถ     ตั้งแแต่ 1 ถึง 2 คัน
 สาธารณูปโภค      สวนสาธารณะ, คลับเฮาส์, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, รปภ., CCTV, สนามเด็กเล่น, Home Automation

สถานที่ใกล้เคียง
 โซน       สมุทรปราการ, บางพลี, บางบ่อ, พระประแดง
 ที่ตั้ง       999 ม.4 ตำบลท้ายบ้านใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ 10280

ขนส่งสาธารณะ
ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม, สถานี(แบริ่ง - บางปู)(แพรกษา)
ใกล้ทางด่วน (วงแหวนทางด่วนกาญจนาภิเษก)
ใกล้ถนนสายหลัก (ถนนสุขุมวิท, ถนนศรีนครินทร์)

สถานที่สำคัญใกล้เคียง
ศูนย์การค้า
1. Robinson สมุทรปราการ
2. Big C สมุทรปราการ
3. Lotus ศรีนครินทร์
4. Lotus สายลวด
5. Makro Food Service แพรกษา

สถานศึกษา
1. โรงเรียนสมุทรปราการ
2. โรงเรียนสตรีสมุทรปราการ
3. โรงเรียนอัสสัมชัญสมุทรปราการ
4. โรงเรียนวัดแพรกษา

สถานพยาบาล
1. โรงพยาบาลสมุทรปราการ
2. โรงพยาบาลเมืองสมุทรปราการ
3. โรงพยาบาลเปาโลสมุทรปราการ
4. โรงพยาบาลสินแพทย์

ปีที่สร้างเสร็จ          2024

7
การจัดฟันเด็ก เจ็บหรือไม่

ในเรื่องของการเข้ารับการรักษาฟันในวัยเด็ก หลายคนก็เกิดความกลัวที่เข้ารับพบกับทันตแพทย์ เพราะการเข้ารับการรักษาฟันไม่ว่าจะเป็นการถอนฟัน การอุดฟัน อาจจะทำให้เด็กรู้สึกเจ็บปวดในระหว่างการรักษา บางคนอาจจะฝังใจทำให้เกิดความกลัว ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองจึงจะต้องทำการพูดคุยหรือปลูกฝังให้เด็กได้ทราบถึงวิธีการดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากและฟัน ให้เด็กได้ตระหนักถึงข้อดีของการดูแลรักษาสุขภาพฟัน และให้รู้ถึงข้อเสียของปัญหาที่เกิดจากการที่เด็กดูแลสุขภาพช่องปากและฟันไม่ดี  คอยบอกให้เด็กได้ทราบว่า การที่เราจะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีและแข็งแรงนั้น เราจะต้องเข้าพบทันตแพทย์เป็นประจำอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง และถ้าหากบุตรหลานของท่านมีสัญญาณเตือนที่กำลังบ่งบอกว่ากำลังจะมีปัญหาในเรื่องของปัญหาช่องปากและฟัน ก็จะต้องรีบเข้ารับการรักษาทันที เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต


อย่างไรก็ตาม ในวัยเด็กนั้น การเข้ารับการรักษาฟัน ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ตั้งแต่บุตรหลานของท่านมีฟันน้ำนมเลยทีเดียว เนื่องจากฟันน้ำนมนั้น มีผลต่อการขึ้นของฟันแท้ อย่าคิดว่าฟันน้ำนมไม่มีความสำคัญ เพราะพ่อแม่ผู้ปกครองส่วนใหญ่ละเลยในการสอนให้บุตรหลานของท่านดูแลฟันน้ำนม เพราะคิดว่า เดี๋ยวฟันแท้ก็งอกขึ้นมา เพราะฉะนั้น ในเรื่องของการรักษาความสะอาดฟันน้ำนมในเด็ก ก็มีความสำคัญไม่แพ้ฟันแท้เลย เพราะถ้าหากฟันแท้งอกขึ้นมาแล้วเกิดปัญหาในเรื่องของรูปร่างของฟันหรือลักษณะของฟัน นั่นก็คืออุปสรรคอย่างหนึ่งในการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะอาจจะทำให้บุตรหลานของท่านมีสุขภาพฟันที่ไม่ดี มีฟันผุได้ เนื่องจากรูปร่างของฟันก็ส่งผลต่อการทำความสะอาดฟันเช่นกัน ดังนั้นหากบุตรหลานของท่านมีปัญหาในเรื่องของลักษณะฟัน ก็ควรที่เข้าพบทันตแพทย์เพื่อเข้ารับการจัดฟัน


สำหรับการจัดฟันในเด็กนั้น เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือ ความร่วมมือในการเข้ารับการรักษา เพราะเด็กหลายคนอาจจะมีความกลัวในเรื่องของการเข้ารับการรักษาที่เกี่ยวกับช่องปากและฟัน อาจจะกลัวเจ็บจึงไม่ยอมที่จะเข้ารับการจัดฟัน  แถมยังทำให้มีการจำกัดในเรื่องของการรับประทานอาหารและอาจจะส่งผลต่อการทำความสะอาดช่องปากและฟันด้วย ในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก เด็กๆอาจจะคิดว่า การจัดฟันนั้น ทำให้รู้สึกเจ็บปวดระหว่างการจัดฟัน ซึ่งต้องบอกเลยว่าการจัดฟันนั้น อาจจะทำให้รู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย แต่ถ้าหากเปรียบเทียบกับผลการรักษาแล้วนั้น ถือว่าคุ้มค่ามาก และวันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงการจัดฟันในเด็กว่ามีความเจ็บปวดมากน้อยแค่ไหน และเราจะมีวิธี

การพูดอย่างไรเพื่อให้เด็กได้คลายความกังวลและตัดสินใจเข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟันในเด็ก สำหรับการจัดฟันในเด็กนั้น มีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยากมาก ขั้นแรกอาจจะมีการตรวจเช็คประเมินช่องปาก เพื่อที่ทันตแพทย์จะได้ทำการวางแผนการรักษา หากเด็กมีฟันผุหรือปัญหาต่างๆ ก็อาจจะทำให้ทันตแพทย์พิจารณาให้เด็กเข้ารับการถอนฟันหรืออุดฟันเสียก่อน เพื่อที่ได้ไม่เกิดปัญหาระหว่างการจัดฟัน


ซึ่งนี่ถือว่าเป็นข้อดีที่จะช่วยแก้ไขปัญหาฟันผุตั้งแต่เนิ่นๆ ทำให้การจัดฟันมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่อาจจะทำให้รู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย หลังจากการเข้ารับการถอนฟัน แต่การเจ็บปวดในเรื่องของการถอนฟัน ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่ต้องเจออยู่แล้ว หลังจากนั้น 2-3 วันอาการเจ็บปวดก็จะหายไป เมื่อทันตแพทย์ติดเครื่องมือการจัดฟันภายในช่องปาก ก็อาจจะทำให่รู้สึกตึงๆ ในช่วงแรก หลังจากนั้นก็จะรู้สึกชินไปเองที่มีเครื่องมืออยู่ภายในช่องปาก ต้องบอกเลยว่า การจัดฟันในเด็กนั้น ถึงแม้ว่าอาจจะทำให้รู้สึกเจ็บปวดในระยะแรก แต่ก็ถือว่าช่วยแก้ไขปัญหาในระยะยาวได้อย่างดีเลยทีเดียว

หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดสนใจให้บุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลหรือปรึกษาทันตแพทย์ที่คลินิกได้ ทางเราจะช่วยแนะนำในเรื่องของการพูดคุยกับเด็ก เพื่อให้ตระหนักถึงปัญหาในเรื่องของฟันว่าสุขภาพช่องปากและฟันถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเรา และทางคลินิกเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข

8
ทาวน์เฮ้าส์ เดอะ มิราเคิล สุขุมวิท-แพรกษา (The Miracle Sukhumvit-Praksa)
เริ่มต้น 2.69 ลบ. 

เดอะ มิราเคิล สุขุมวิท-แพรกษา (The Miracle Sukhumvit-Praksa)
ทาวน์โฮม 2 ชั้น สไตล์อังกฤษ ขยายพื้นที่ความสุขให้ กว้างกว่า เพื่อการใช้ชีวิตที่ดีกว่าเดิม พื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง เพื่อให้คุณและครอบครัวรวมทุกความสุขของการใช้ชีวิตร่วมกัน ฟังก์ชันครบครัน มีให้เลือก 2 แบบ 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ และ 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ เชื่อมต่อทุกการเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองด้วย 5 เส้นทางหลัก ถนนแพรกษา ถนนสุขุมวิท ถนนศรีนครินทร์ ถนนเทพารักษ์ และถนนบางนา ใกล้จุดขึ้น - ลง ทางด่วนบางพลี - สุขสวัสดิ์ และใกล้สถานีแพรกษาเพียง 10 นาที สะดวกสบายท่ามกลางสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ                 เดอะ มิราเคิล สุขุมวิท-แพรกษา (The Miracle Sukhumvit-Praksa)
 เจ้าของโครงการ           อัคร บ้านและที่ดิน
 ราคา                        เริ่มต้น 2.69 ลบ.

 ประเภทบ้าน               ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม (Townhouse Townhome)
 ลักษณะทำเล             บ้านพักตากอากาศ, บ้านลักษณะทำเลอื่น, บ้านใกล้เมือง
 พื้นที่โครงการ            10 ไร่ 3 งาน 12 ตร.ว.
 จำนวนบ้าน               107 หลัง
 แบบบ้านทั้งหมด         2 แบบ
  เนื้อที่บ้าน                ตั้งแต่ 19.2 ตร.ว.
 พื้นที่ใช้สอย              ตั้งแต่ 125 ถึง 145 ตร.ม.
 จำนวนชั้น                  2 ชั้น
 หน้ากว้าง                 โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนห้องนอน          ตั้งแต่ 3 ถึง 4 ห้อง
 จำนวนที่จอดรถ           2 คัน
 สาธารณูปโภค          สวนสาธารณะ, รปภ., CCTV, อื่นๆ (เข้า-ออกโครงการ ด้วย Easy Pass)

สถานที่ใกล้เคียง
 โซน              สมุทรปราการ, บางพลี, บางบ่อ, พระประแดง
 ที่ตั้ง             ซอยสุดใจ 2 ถนนแพรกษา ต.แพรกษา อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ 10280

 ขนส่งสาธารณะ
ใกล้ทางด่วน (ทางด่วนวงแหวนรอบนอก (บางแก้ว), ทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์), ทางด่วนบูรพาวิถี (บางนา-ชลบุรี))
ใกล้ถนนสายหลัก (ถนนแพรกษา, ถนนสุขุมวิท, ถนนเทพารักษ์, ถนนศรีนครินทร์ ถนนบางนา)

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
ศูนย์การค้า
Lotus’s Go Fresh แพรกษา : 3.8 กม.
Makro Food Service แพรกษา : 4.6 กม.
Robinson สมุทรปราการ : 5.5 กม.
Big C สมุทรปราการ : 7 กม.
Sino Park : 7.4 กม.
Home Pro ศรีนครินทร์ : 8.1 กม.
Lotus’s สมุทรปราการ : 8.6 กม.
Lotus’s ศรีนครินทร์ : 8.8 กม.
Foodland ศรีนครินทร์ : 9.2 กม.
Jas Urban ศรีนครินทร์ : 9.3 กม.
MEGA, IKEA บางนา : 10.2 กม.
Global House เทพารักษ์ : 11 กม.
Miami บางปู : 11 กม.
 

สถานศึกษา

รร.แพรกษาวิทยา : 130 ม.
รร.เทศบาลปากน้ำศิริวิทยานุสรณ์ : 1.9 กม.
รร.วัดแพรกษา : 2.6 กม.
รร.สารสาสน์วิเทศสมุทรปราการ : 4.7 กม.
รร.แพรกษาวิเทศศึกษา : 4.8 กม.
รร.อนุบาลนานาชาติ Double Tree Srinakarin Campus : 6.8 กม.
รร.ประภามนตรี 2 : 7.1 กม.
รร.นานาชาติประภามนตรี-สิงคโปร์ (PPMAS-Singapore) : 7.1 กม.
รร.นานาชาติ Bangkok Chicago Christian (BCCI) : 7.1 กม.
รร.สมุทรปราการ : 7.2 กม.
รร.ปทุมคงคา สมุทรปราการ : 7.6 กม.
รร.สตรีสมุทรปราการ : 8 กม.
รร.เซนต์ราฟาแอล : 8.8 กม.
รร.นายเรือ : 9 กม.


ศูนย์การแพทย์

ศูนย์สุขภาพชุมชนองค์การบริหารส่วนตำบลแพรกษา : 80 ม.
รพ.ส่งเสริมสุขภาพตำบลแพรกษา : 2.6 กม.
รพ.เดอะซีพลัส : 4 กม.
รพ.สินแพทย์ เทพารักษ์ : 5.4 กม.
รพ.เปาโล สมุทรปราการ : 6.2 กม.
รพ.เมืองสมุทรปากน้ำ : 7.9 กม.
รพ.สมุทรปราการ : 8.4 กม.
รพ.บางนา 5 : 10.2 กม.
รพ.บางพลี : 10.7 กม.
รพ.ศิครินทร์ สมุทรปราการ : 12.2 กม.

9
Doctor At Home: โรคเชื้อราแคนดิดา (Candidiasis/Moniliasis)

โรคเชื้อราแคนดิดา พบได้ในบริเวณซอกผิวหนังที่มีเหงื่ออับชื้น ในช่องปาก และช่องคลอด

โรคนี้พบได้ในคนทุกวัย พบมากในเด็กอ่อน คนอ้วน ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ เบาหวาน เอดส์ มะเร็ง ผู้ที่ใช้ยาปฏิชีวนะหรือสเตียรอยด์นาน ๆ

สาเหตุ

เกิดจากเชื้อแคนดิดาอัลบิแคนส์ (Candida albicans) ซึ่งมีอยู่ประจำถิ่นหรือเป็นปกติวิสัย (normal flora) ในร่างกาย เช่น ช่องปาก ทางเดินอาหาร ทางเดินปัสสาวะ ช่องคลอด ผิวหนัง เมื่อร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น กินยาสเตียรอยด์ หรือยารักษามะเร็ง เป็นเบาหวาน เอดส์) หรือมีการเปลี่ยนแปลงสภาพความเป็นกรดด่าง (เช่น การกินยาปฏิชีวนะ การตั้งครรภ์) ก็จะทำให้เชื้อราชนิดนี้เจริญจนเกิดเป็นโรคขึ้นได้


อาการ

ช่องปาก พบเป็นฝ้าขาวที่ลิ้น หรือตามเยื่อเมือกในช่องปาก (ดู "โรคปากนกกระจอก" เพิ่มเติม)
   
ช่องคลอด มีอาการตกขาว คัน (ดู "ช่องคลอดอักเสบ" เพิ่มเติม)

     ผิวหนัง พบมากบริเวณซอกผิวหนังที่มีเหงื่ออับชื้น เช่น ซอกรักแร้ ขาหนีบ ใต้ราวนม สะดือ ซอกสะโพก ง่ามนิ้ว เป็นต้น ลักษณะเป็นรอยแดงแบบหนังถลอก มีขอบเขตชัดเจน รอบ ๆ จะมีผื่นแดงเล็ก ๆ กระจายตัวอยู่ อาจมีอาการคันร่วมด้วย

โรคเชื้อราแคนดิดาที่พบตามซอกผิวหนังนี้มีชื่อเรียกว่า "Intertriginous candidosis"

เล็บ โรคเชื้อราแคนดิดาที่เล็บ (candida paronychia หรือ onychomycosis) พบในผู้ที่ต้องใช้มือแช่น้ำหรือเปียกน้ำอยู่เสมอ หรือในผู้ป่วยเบาหวาน แรกเริ่มจะมีอาการบวมแดงที่ขอบเล็บ กดเจ็บ พบได้มากกว่า 1 นิ้วพร้อมกัน บางครั้งกดดูจะมีหนองออกจากใต้เล็บ เนื่องจากมีการติดเชื้อจากแบคทีเรียแทรกซ้อน เมื่อปล่อยให้เป็นเรื้อรังเล็บส่วนปลายจะแยกจากเนื้อเยื่อใต้เล็บ (เรียกว่า onycholysis) และบริเวณใต้เล็บจะเห็นเป็นสีขาวหรือเหลือง ต่อมาเล็บจะเสียและเปลี่ยนรูปร่าง มีร่องขวางลักษณะขรุขระที่ตัวเล็บ แต่เล็บไม่ผุหรือกร่อนแบบโรคกลากที่เล็บ


ภาวะแทรกซ้อน

ส่วนใหญ่ไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง

ผู้ป่วยเอดส์และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น ผู้ป่วยมะเร็งหรือได้เคมีบำบัด) เชื้อราอาจลุกลามจากช่องปากลงไปที่หลอดอาหารและกระเพาะอาหาร รวมทั้งอาจแพร่กระจาย ทำให้เกิดการอักเสบของอวัยวะอื่น ๆ ทั่วร่างกาย เช่น หลอดอาหารอักเสบ กระเพราะอาหารอักเสบ ปอดอักเสบ เยื่อบุหัวใจอักเสบ เยื่อบุช่องท้องอักเสบ ตับอักเสบ ม้ามอักเสบ ทางเดินปัสสาวะอักเสบ จอตาอักเสบ เป็นต้น

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ หากไม่แน่ใจหรือรักษาแล้วไม่ได้ผล แพทย์จะทำการส่งต่อเพื่อตรวจเพิ่มเติม โดยการขูดเอาผิวหนังหรือเล็บส่วนนั้นใส่น้ำยาโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ชนิด 10% แล้วนำไปส่องตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ถ้าเป็นที่ซอกผิวหนัง หรือขอบเล็บ ทาด้วยครีมรักษาโรคเชื้อรา (เช่น โคลไตรมาโซล คีโทโคนาโซล) วันละ 2 ครั้ง นาน 2 สัปดาห์ ควรรักษาบริเวณนั้นให้แห้งและสะอาดอยู่เสมอ

2. ถ้าเล็บแยก ควรตัดเล็บส่วนนั้นออก แล้วใช้ยาทาตรงเล็บและเนื้อเยื่อใต้เล็บ

3. ถ้าไม่ได้ผล ให้กินยาฆ่าเชื้อรา (เช่น ไอทราโคนาโซล, ฟลูโคนาโซล) นาน 2-6 สัปดาห์

4. ในรายที่เป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง แพทย์จะตรวจหาสาเหตุ อาจมีภาวะผิดปกติของร่างกายอื่น ๆ (เช่น เอดส์ เบาหวาน)


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีผื่นรอยแดงแบบหนังถลอกบริเวณซอกผิวหนังที่มีเหงื่ออับชื้น (เช่น ซอกรักแร้ ขาหนีบ ใต้ราวนม สะดือ ซอกสะโพก ง่ามนิ้ว เป็นต้น หรือมีอาการบวมแดงที่ขอบเล็บและกดเจ็บ หรือมีอาการตกขาวและคัน ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคเชื้อราแคนดิดา ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา ใช้ยารักษาเชื้อรา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลาใน 1 สัปดาห์
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

1. พยายามทำความสะอาดซอกผิวหนัง อย่าให้มีเหงื่ออับชื้น และหลับอาบน้ำควรซับบริเวณซอกผิวหนังให้แห้ง และใช้แป้งโรย

2. อย่ากินยาปฏิชีวนะติดต่อกันนาน ๆ

3. ถ้าเป็นเบาหวาน ควรควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

ข้อแนะนำ

1. โรคเชื้อราแคนดิดาอาจพบในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ป่วยเอดส์ เบาหวาน หรือกินยารักษามะเร็งเป็นประจำ เป็นต้น ถ้าพบผู้ที่เป็นโรคเชื้อราแคนดิดาเรื้อรัง ควรค้นหาสาเหตุและแก้ไข

2. หลีกเลี่ยงการซื้อยาครีมสเตียรอยด์ (แก้แพ้แก้คัน) หรือยาอื่นที่ไม่ใช่ยารักษาเชื้อราที่แพทย์หรือเภสัชกรแนะนำมาใช้เอง เนื่องเพราะครีมสเตียรอยด์อาจทำให้โรคลุกลามได้ ส่วนยาน้ำที่ทาแล้วที่รู้สึกแสบ ๆ อาจทำให้ผิวหนังไหม้และอักเสบได้

3.หากสงสัยโรคเชื้อราแคนดิดาที่เล็บ (ขอบเล็บแดง กดเจ็บ เล็บส่วนปลายแยกจากเนื้อเยื่อใต้เล็บ) ลองให้ยารักษาโรคเชื้อราแล้วไม่ได้ผล ควรสงสัยว่าอาจเป็นโรคโซริอาซิส

10
ฉนวนกันความร้อนเสื่อมคุณภาพเร็ว เกิดจากอะไรบ้าง

ฉนวนกันความร้อนที่เสื่อมคุณภาพเร็วกว่าปกติอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพในการกันความร้อนลดลง และอาจนำไปสู่ปัญหาอื่น ๆ ตามมาได้

ต่อไปนี้คือสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ฉนวนกันความร้อนเสื่อมคุณภาพเร็ว:

1. ความชื้นและการซึมผ่านของน้ำ (Moisture Intrusion):

การดูดซับน้ำ: ฉนวนบางชนิด โดยเฉพาะฉนวนใยแก้วหรือใยหินที่ไม่มีการบุผิวป้องกันความชื้น หรือมีฟอยล์บุผิวที่ฉีกขาด หากโดนน้ำหรือความชื้นสะสมอยู่เป็นเวลานาน น้ำจะเข้าไปแทนที่ช่องว่างอากาศภายในฉนวน ทำลายโครงสร้าง และลดประสิทธิภาพในการกันความร้อนลงอย่างมาก เพราะน้ำเป็นตัวนำความร้อนที่ดีกว่าอากาศ
การควบแน่น: หากฉนวนติดตั้งโดยไม่มี Vapor Barrier (แผ่นกั้นไอระเหย) ที่เหมาะสม หรือ Vapor Barrier ชำรุด ความชื้นในอากาศจะซึมผ่านเข้าไปในฉนวนและควบแน่นเป็นหยดน้ำ โดยเฉพาะในระบบที่ต้องการรักษาอุณหภูมิเย็น (เช่น ท่อเย็น ถังเก็บความเย็น)


2. การติดตั้งที่ไม่ถูกต้อง (Improper Installation):

ช่องว่างและการบีบอัด: การติดตั้งที่ไม่แน่นหนา มีช่องว่าง หรือการบอัดฉนวนมากเกินไป (ในกรณีของฉนวนใยแก้วหรือใยหิน) จะลดปริมาณช่องว่างอากาศ ทำให้ประสิทธิภาพลดลง
การไม่ใช้วัสดุหุ้มผิวที่เหมาะสม: การไม่ใช้วัสดุหุ้มผิว (Cladding) ที่ทนทาน หรือการไม่หุ้มให้มิดชิด อาจทำให้ฉนวนสัมผัสกับสภาพแวดล้อมโดยตรงและเสียหายได้ง่าย
รอยรั่วหรือรอยต่อที่ไม่สมบูรณ์: หากมีรอยรั่วหรือรอยต่อบนฉนวนหรือวัสดุหุ้มผิว ความชื้น ฝุ่น หรือสิ่งสกปรกสามารถเล็ดลอดเข้าไปทำลายฉนวนได้


3. การสัมผัสกับอุณหภูมิที่สูงเกินขีดจำกัด (Exceeding Temperature Limits):

ฉนวนแต่ละชนิดมีขีดจำกัดอุณหภูมิสูงสุดที่สามารถทนได้ หากอุณหภูมิของพื้นผิวที่หุ้มฉนวน หรืออุณหภูมิโดยรอบสูงเกินกว่าที่ฉนวนนั้นถูกออกแบบมา จะทำให้โครงสร้างของฉนวนเสื่อมสภาพ แตก เปราะ หรือหลอมละลายได้


4. ความเสียหายทางกายภาพ (Physical Damage):

การกระแทก/การเสียดสี: การถูกกระแทก การกดทับ หรือการเสียดสีจากกิจกรรมในโรงงาน การเคลื่อนย้ายสิ่งของ หรือการซ่อมบำรุงอื่นๆ สามารถทำให้ฉนวนฉีกขาด บุบสลาย หรือยุบตัวลงได้
สัตว์รบกวน: หนู แมลง หรือสัตว์อื่นๆ อาจเข้าไปทำรังหรือกัดทำลายฉนวน


5. การสัมผัสกับสารเคมี (Chemical Exposure):

ในโรงงานอุตสาหกรรม หากฉนวนสัมผัสกับไอระเหยของสารเคมี หรือสารเคมีหกใส่เป็นเวลานาน อาจทำให้โครงสร้างทางเคมีของฉนวนเปลี่ยนไป เสื่อมสภาพ และเสียหายได้


6. การสั่นสะเทือน (Vibration):

ในบริเวณที่มีเครื่องจักรที่สร้างการสั่นสะเทือนสูง การสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่องสามารถทำให้ฉนวนคลายตัว ยุบตัว หรือหลุดร่อนออกจากโครงสร้างได้ โดยเฉพาะฉนวนที่ไม่ได้รับการยึดติดอย่างแน่นหนา


7. คุณภาพของวัสดุฉนวนเอง (Material Quality):

ฉนวนคุณภาพต่ำ หรือฉนวนที่ผลิตไม่ได้มาตรฐาน อาจมีอายุการใช้งานสั้นกว่าที่ควรจะเป็น แม้จะได้รับการติดตั้งและดูแลอย่างดีแล้วก็ตาม


8. อายุการใช้งานตามธรรมชาติ (Natural Aging):

ฉนวนทุกชนิดมีอายุการใช้งานของตัวเอง แม้จะได้รับการดูแลอย่างดี แต่เมื่อใช้งานไปเป็นเวลานานหลายสิบปี คุณสมบัติของวัสดุก็จะค่อยๆ เสื่อมลงตามธรรมชาติ

การตรวจเช็กและบำรุงรักษาฉนวนกันความร้อนอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อยืดอายุการใช้งานและรักษาประสิทธิภาพของฉนวนให้ยาวนานที่สุด

11
ถ้าเด็กไม่สวมใส่เครื่องมือจัดฟันเด็ก EF LINE จะส่งผลอย่างไรบ้าง
 
การจัดฟันในเด็ก ถือว่าเป็นการรักษาอย่างหนึ่งทางทันตกรรมที่มีประสิทธิภาพมาก ในแง่ของการแก้ไขปัญหาฟันของเด็ก ซึ่งปัจจุบันนี้มีเด็กจำนวนมากที่เป็นโรคฟันผุ บางรายพบเด็กเริ่มฟันผุตั้งแต่อายุเพียง 9 เดือน เพราะขาดการดูแลเอาใจใส่หรือรักษาความสะอาดฟันของเด็กที่ผิดวิธี รวมไปถึงการมีความเชื่อผิดๆของพ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนที่คิดว่า เมื่อเด็กโตพอรู้เรื่องแล้วค่อยสอนให้แปรงฟัน จนทำให้กว่าเด็กจะเริ่มแปรงฟันเองได้ก็ประมาณ 3-5 ขวบแล้ว พอฟันผุ เด็กก็รับประทานอาหารได้น้อย เพราะไม่สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ดี


ทำให้ได้รับสารอาหารที่ไม่ครบถ้วน ซึ่งส่งผลต่อพัฒนาการของเด็ก ดังนั้น ถ้าหากปล่อยไว้นาน เด็กจะเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟัน ซึ่งฟันถือเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งที่สำคัญต่อการใช้ชีวิตประจำวันและฟันก็ต้องอยู่กับเด็กไปตลอดชีวิต ถ้าเด็กมีปัญหาฟัน พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่พาเด็กเข้ามารับการรักษา หรือถ้าหากเด็กมีปัญหาเรื่องของรูปร่างของฟัน ก็ควรพาเด็กเข้าพบทันตแพทย์เพื่อเข้ารับการจัดฟัน


เพราะในปัจจุบัน เด็กสามารถเข้ารับการจัดฟันได้ตั้งแต่อายุ 4 ปี ซึ่งการจัดฟันในเด็ก ด้วยการใช้เครื่องมือ EF LINE นั้น นอกจากจะช่วยแก้ไขปัญหาฟันในเด็กแล้ว ยังสามารถช่วยในเรื่องของความผิดปกติขิงกล้ามเนื้อบนใบหน้าเด็กอีกด้วย
 
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อพ่อแม่ผู้ปกครองตัดสินพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็กด้วยการใช้เครื่องมือ EF LINEแล้ว สิ่งที่สำคัญก็คือ การดูแลรักษาความสะอาด วิธีการปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของทันตแพทย์ระหว่างการจัดฟัน ซึ่งเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ผู้ปกครองที่จะต้องคอยแนะนำดูแลและสอนให้เด็กรู้จักดูแลเรื่องของความสะอาดของฟัน โดยเฉพาะในเรื่องของการสวมใส่เครื่องมือการจัดฟัน


ในข้อนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะ  เด็กจะต้องสวมใส่เครื่องมือการจัดฟัน EF LINE ตลอดทั้งวันแม้ขณะนอนหลับก็ต้องสวมใส่ ซึ่งคำถามที่หลายคนสงสัยว่า ถ้าหากเด็กไม่สวมใส่เครื่องมือการจัดฟัน EF LINE จะส่งผลอย่างไรต่อฟันของเด็ก ซึ่งวันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงเรื่องของการสวมใส่เครื่องมือ EF LINE ว่ามีผลอย่างไรต่อฟันของลูก ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า สิ่งสำคัญที่สุดในการให้บุตรหลานของท่านใส่ EF Line คือ บุตรหลานของท่านต้องมีอายุ 4 ปี ขึ้นไป แต่ถ้าจะให้ได้ผลดีและมีประสิทธิภาพสูงที่สุด


ในการใช้เครื่องมือ EF LINE ควรใช้กับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 14 ปี เพราะเด็กในวัยนี้ยังให้ความร่วมมือกับทันตแพทย์ในการรักษาได้ไม่ดีเท่าที่ควร ต้องอาศัยคำแนะนำของพ่อแม่ผู้ปกครองด้วย เพื่อให้เด็กได้เห็นถึงความสำคัญในการสวมใส่เครื่องมือ และในขณะที่ใช้เครื่องมือ EF Line จะต้องอยู่ในการดูแลของทันตแพทย์อย่างใกล้ชิด ต้องมาตามนัดทันตแพทย์ เพื่อจะได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพสูงที่สุดนั่นเอง ส่วนคำถามที่ว่า หากเด็กไม่ใส่เครื่องมือ EF LINE จะมีผลอย่างไร แน่นอนว่าถ้าเด็กไม่สวมใส่เครื่องมือ ก็จะทำให้ผลการรักษาในการจัดฟันในเด็กล้มเหลว หรืออาจจะทำให้เด็กมีฟันและโครงหน้าที่ผิดปกติและจะทำให้เกิดการรักษายากขึ้นมากในอนาคต เพราะฉะนั้น วินัยในการสวมใส่เครื่องมือ EF LINE จึงมีความสำคัญมากในการจัดฟันในเด็กที่มีอายุ 4 ปีขึ้นไป


อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ผู้ปกครอง ควรที่จะสอนให้ลูกรู้จักวิธีการดูแลรักษาความสะอาดฟันอย่างถูกวิธี ควรปลูกฝังให้เด็กตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน เพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหาฟันในอนาคต มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หากท่านสนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็กด้วย EF Line สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการทันตกรรมในเด็ก สามารถให้คำปรึกษาได้อย่างถูกต้อง เพราะเราอยากให้เด็กมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่มากขึ้น

12
คอนโดติดรถไฟฟ้า โค้บบ์ รัชดา-พระราม 9 (Cobe Ratchada - Rama9)
เริ่มต้น 2.39 ลบ.

โค้บบ์ รัชดา-พระราม 9 (Cobe Ratchada - Rama9)
โครงการ โค้บบ์ รัชดา-พระราม 9 ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 12 ไร่ มีทั้งหมด 9 อาคาร ตกแต่งครบพร้อมเฟอร์นิเจอร์ ใจกลางย่านรัชดา-พระราม 9 บนถนนเทียมร่วมมิตร ใกล้สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินศูนย์วัฒนธรรม

 รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ                โค้บบ์ รัชดา-พระราม 9 (Cobe Ratchada - Rama9)
 เจ้าของโครงการ           เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น
 ราคา                        เริ่มต้น 2.39 ลบ.
 ราคาเฉลี่ยต่อตร.ม.        โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ลักษณะทำเล               คอนโดย่านธุรกิจกลางเมือง, คอนโดใกล้ขนส่งสาธารณะ
 ความสูงคอนโด           โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ลักษณะกรรมสิทธิ์        โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ประเภทห้องที่มี              สตูดิโอ, 1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน
 ขนาดห้องที่มี                ตั้งแต่ 23.00 ถึง 106.00 ตร.ม.
 เนื้อที่ทั้งหมด                12 ไร่
 จำนวนตึก                    9 อาคาร
 จำนวนชั้น                  โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนห้อง                 โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ที่จอดรถทั้งหมด          โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ค่าบำรุงส่วนกลาง         โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 สาธารณูปโภค            สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, อื่นๆ (, Yoga Studio, Workshop space, Live Studio), Co-Working Space

 สถานที่ใกล้เคียง
 โซน
 ที่ตั้ง

 ขนส่งสาธารณะ
รถไฟฟ้า:          ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน, สถานีบางซื่อ - หัวลำโพง(ศูนย์วัฒนธรรม)
 สถานที่สำคัญใกล้เคียง       โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ปีที่สร้างเสร็จ                  โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ

13
บริหารจัดการอาคาร: ความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับแอร์ ที่ยิ่งทำ ค่าไฟยิ่งพุ่ง
 
เมื่อถึงช่วงหน้าร้อน หลายบ้านคงมีค่าไฟที่พุ่งกระฉูด เพราะอากาศในบ้านเราที่ร้อนระอุก็ต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกเข้ามาช่วย นั่นก็คือ เครื่องปรับอากาศ หรือที่เราเรียกกันว่า แอร์ ซึ่งจริง ๆ แล้วที่ค่าไฟแพง อาจไม่ได้เป็นเพราะเปิดแอร์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะการใช้แอร์แบบผิดๆ หรือมีความเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับการใช้แอร์

ที่ทำให้เปลืองไฟและจะทำให้แอร์พังได้ง่าย ซึ่งต้องบอกว่า แอร์ที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้นั้น มีอายุการใช้งานที่ยาวนานมาก บางบ้านอาจจะใช้งานแอร์มาเป็น 10 ปีโดยที่ไม่มีการเสียหาย หรือบางบ้านที่เพิ่งติดตั้งแอร์ไป แต่ใช้ไปไม่ทันไร แอร์ก็ไม่เย็นซะแล้ว ซึ่งต้องบอกว่า แอร์เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องได้รับการบำรุงรักษาตลอดการใช้งาน

ซึ่งเราต้องยอมรับในค่าใช้จ่ายส่วนนี้ เพราะถ้าหากไม่รักษาความสะอาดของแอร์ แน่นอนว่า แอร์จะมีปัญหาอย่างแน่นอน และอาจจะทำให้สุขภาพของคนในบ้านเสียได้อีกด้วย เนื่องจากได้รับอากาศที่ไม่บริสุทธิ์ ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึง การใช้แอร์แบบไหนที่ทำให้เปลืองพลังงานและต้องจ่ายค่าไฟแพงกว่าเดิม
แล้วจะประหยัดค่าไฟช่วงหน้าร้อนได้อย่างไรบ้าง ถ้าจำเป็นต้องเปิดเครื่องปรับอากาศทุกวันแบบนี้ เพราะถ้ายังมีความเชื่อผิดๆแบบนี้ แน่นอนว่า เราจะต้องเสียค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
 
เชื่อว่า หลายคนยังมีความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับการใช้งานแอร์อยู่ บางคนคิดว่า แอร์เก่าที่ยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ แม้จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าระบบภายในของแอร์นั้น มีความเสื่อมสภาพไปตามการใช้งาน ยิ่งแอร์ที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 15 ปีขึ้นไป
ยิ่งจะต้องมีการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในเรื่องของการซ่อมบำรุง อีกทั้งแอร์ประเภทนี้ยังเปลืองไฟมากกว่าปกติอีกด้วย ดังนั้นเมื่อคำนวณถึงความประหยัดแล้ว การเปลี่ยนแอร์ใหม่ย่อมสามารถช่วยประหยัดในระยะยาวได้มากกว่า

นอกจากนี้ หลายคนยังเข้าใจเรื่องของค่า BTU แบบผิดๆ เพราะคิดว่ ายิ่งมีค่าสูงจะยิ่งทำให้บ้านเย็น แต่นั่นเป็นเพียงความเข้าใจผิด เพราะค่า BTU ที่สูงหรือต่ำจนเกินไปจะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักและกินไฟมากขึ้น จึงควรเลือกให้มีความเหมาะสมกับขนาดห้องที่ใช้งาน เพราะไม่อย่างนั้นจะทำให้ค่าไฟพุ่งกระฉูดเลยทีเดียว

ต่อมาในเรื่องของการเลือกตำแหน่งในการติดตั้งแอร์ให้เหมาะสม ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดการทำงานของแอร์ได้ จะช่วยประหยัดค่าไฟได้ไม่มากก็น้อย โดยตำแหน่งที่เหมาะสมสำคัญติดตั้งเครื่องปรับอากาศคือ บริเวณที่โล่ง ไม่เป็นมุมอับ หรือบริเวณที่ไม่ถูกแสงแดดจัดโดยตรง รวมทั้งไม่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศใกล้กับประตูหรือหน้าต่าง รวมไปถึงความเข้าใจผิดที่ว่า 

การเปิดทั้งเครื่องปรับอากาศและพัดลมไปด้วยกัน จะยิ่งทำให้เปลืองไฟ แต่นั่นเป็นความคิดที่ผิด เพราะการเปิดพัดลมจะช่วยทำให้ความเย็นกระจายไปทั่วถึงทั้งห้อง ช่วยลดอุณหภูมิห้องลง 1-2 องศา และที่สำคัญช่วยลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศได้อีกด้วย แนะนำให้เปิดแอร์ 26 องศา แต่หากต้องการความรู้สึกเย็นสบายเท่ากับ 24 องศา ให้เปิดพัดลมช่วย

โดยไม่ต้องลดอุณหภูมิของแอร์ การเปิดแอร์พร้อมพัดลม ประหยัดไฟได้มากกว่าการลดอุณหภูมิของแอร์ เพราะพัดลมช่วยเพิ่มความเร็วลม เพิ่มการเคลื่อนที่ของอากาศ ทำให้เกิดการระบายความร้อนจากร่างกาย ทำให้รู้สึกเย็นสบายขึ้น โดยที่อุณหภูมิห้องยังคงเท่าเดิม อย่างไกร็ตาม เชื่อว่า หลายบ้านมักจะเปิดแอร์อยู่ที่อุณหภูมิ 25 องศา

ช่วยประหยัดไฟ แม้ว่าการเปิดเครื่องปรับอากาศที่อุณหภูมิ 25 องศาเป็นวิธีที่ดีและถูกต้องในการช่วยประหยัดไฟฟ้า แต่การดูแลตัวเครื่องซ่อมแซมและทำความสะอาด อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศประหยัดไฟไปได้ในตัว ทั้งหมดนี้คือความเข้าใจที่ผิดๆ ในการใช้แอร์ ดังนั้น ควรเปลี่ยนความเข้าใจใหม่ เพื่อให้เราสามารถใช้งานแอร์ได้อย่างถูกต้องและช่วยให้ประหยัดค่าไฟได้เป็นเท่าตัวเลยทีเดียว
 
อย่างไรก็ตาม เราก็มีบริการซ่อมบำรุง มีบริการการดูแลภายในอาคารและพื้นที่โดยรอบจำเป็นต้องตรวจตราและหมั่นดูแล อย่างสม่ำเสมอตลอดการบริการ การที่องค์กรใช้บริษัทที่หลากหลายเข้า มาดูแลบริการด้านต่าง ๆ นั้น อาจทำให้องค์กรสิ้นเปลืองงบประมาณเป็นอย่างมาก

โดยเฉพาะในเรื่องของการดูแลระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศภายในอาคาร ระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศเป็นสิ่งจำเป็นมาก เพราะผู้คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักจะ ใช้ชีวิตในภายในอาคาร และถ้าภายในอาคารนั้นมีผู้ป่วยอยู่ด้วยก็ยิ่งเป็นการสะสมของฝุ่นจนทำให้เกิดเป็นเชื้อรา และส่งผลต่อสุขภาพและเกิดโรคต่างๆได้

14
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


15
ปล่อยรถป้ายแดง BMW X7 xDrive40d M Sport LCI ปี 2023 ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

บีเอ็มดับเบิลยู BMW X7 XDrive40d M Sport ปี 2023
BMW X7 xDrive40d M Sport มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ส่งพละกำลังสูงสุด 250 กิโลวัตต์ / 340 แรงม้า / 4,400 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,250 รอบต่อนาที มาพร้อมระบบ Mild Hybrid ที่มีขนาด 48 โวลต์ ส่งกำลังมอเตอร์ไฟฟ้า 9 กิโลวัตต์ / 12 แรงม้า ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์เพื่อมอบพละกำลังรวมสูงสุด 259 กิโลวัตต์ / 352 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 720 นิวตันเมตร พร้อมโลดแล่นสู่ความเร็วสูงสุดที่ 243 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เร่งความเร็วจาก 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 5.9 วินาที เครื่องยนต์นี้ทำงานสอดประสานกับเกียร์อัตโนมัติ Sport Steptronic 8 จังหวะ ช่วงล่างแบบถุงลมสามารถปรับระดับอัตโนมัติ และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive จึงมอบความนุ่มสบายเหนือระดับ การควบคุมที่เฉียบคม และความปราดเปรียวอันทรงพลัง ขณะที่ระบบควบคุมช่วงล่าง Executive Drive Pro เสริมความมั่นใจด้วยเสถียรภาพที่เหนือกว่าในทุกจังหวะการขับขี่

หมายเหตุ : รายละเอียดของรถยนตอ์าจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 17 มี.ค. - 31 มี.ค. 2568
Ultimate ( BSI 5 ปี Warranty 5 ปี ) bsi เริ่มต้น 25-Jul-23 ถึง 24-Jul-28

ราคาพิเศษ 5,000,000 บาท

สนใจสอบถามรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car


ข้อมูลทั่วไป

เครื่องยนต์                        เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ส่งพละกำลังสูงสุด 340 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร

ขนาดเครื่องยนต์ (CC)          2,993 CC
กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)       340 แรงม้า
ระบบเกียร์                         เกียร์ออโต้ 8AT
รูปแบบเกียร์                       Sport Steptronic
ระบบเบรค ABS                  มี
ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง            ดีเซล
ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)            N/A
ระบบจ่ายน้ำมัน                     คอมมอนแรล
น้ำหนักตัวรถ                            -
ประเภทยางรถยนต์                     -
ขนาดล้อ (นิ้ว)                    ล้ออัลลอย (BMW Individual 23 นิ้ว ลาย Y-spoke แบบสลับสี)
ระบบขับเคลื่อน                    ขับเคลื่อนสี่ล้อ


หน้า: [1] 2 3 ... 51