แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 55
1
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


2
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


3
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


4
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)

ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)

 
สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


5
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


6
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
"NEWTECH INSULATION" ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
"เพราะเรา...เข้าใจเรื่องเสียง"

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


7
Doctor At Home: เบาจืด (Diabetes insipidus/DI)
 
เบาจืด เป็นภาวะที่ร่างกายไม่สามารถเก็บรักษาสมดุลของน้ำในร่างกาย ทำให้มีอาการถ่ายปัสสาวะออกบ่อยและมาก และกระหายน้ำมากคล้ายโรคเบาหวาน แต่ไม่มีภาวะน้ำตาลในเลือดและปัสสาวะสูงอย่างที่พบในโรคเบาหวาน ผู้ป่วยเบาจืดจะมีอาการกระหายน้ำตลอดเวลา และปัสสาวะออกมากซึ่งมีลักษณะเจือจาง ไม่มีสีและไม่มีกลิ่น



โรคนี้พบได้น้อยมาก (พบประมาณ 3 คนต่อประชากร 100,00 คน) ส่วนใหญ่พบในผู้ใหญ่ แต่ก็อาจพบในเด็กได้

สาเหตุ

โรคนี้มีสาเหตุเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนต้านการขับปัสสาวะที่มีชื่อว่า เอดีเอช (ADH ซึ่งย่อมาจาก antidiuretic hormone) หรือมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เวโซเพรสซิน (vasopressin) ได้น้อยกว่าปกติ ฮอร์โมนนี้สร้างที่สมองส่วนที่เรียกว่า "ไฮโพทาลามัส" และเก็บไว้ที่ต่อมใต้สมอง มีฤทธิ์ยับยั้งไม่ให้ไตขับปัสสาวะออกมากกว่าปกติ

ช่วยรักษาสมดุลของน้ำในร่างกาย กล่าวคือ เมื่อร่างกายขาดน้ำหรือกระหายน้ำ ก็จะมีการสร้างเอดีเอชออกมามาก ทำให้ไตลดการขับปัสสาวะ แต่ถ้ามีการดื่มน้ำในปริมาณมาก ร่างกายก็จะสร้างเอดีเอชออกมาน้อย ทำให้ไตขับปัสสาวะออกมามาก

โรคนี้มีสาเหตุหลัก ๆ ดังนี้

สาเหตุที่พบได้บ่อยสุด คือ เกิดจากร่างกายขาดเอดีเอช (ADH) เนื่องจากสมองสร้างฮอร์โมนนี้ได้น้อยกว่าปกติ ทำให้ไตมีการขับปัสสาวะออกมากกว่าปกติ ทั้งนี้อาจเป็นผลมาจากความผิดปกติในสมอง (เช่น การผ่าตัดบริเวณใกล้ต่อมใต้สมอง การได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ เนื้องอกในบริเวณใกล้ต่อมใต้สมอง สมองอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เป็นต้น) ถ้าพบในเด็กอาจเกิดจากความผิดปกติทางกรรมพันธุ์

พบว่าประมาณร้อยละ 30 ของผู้ป่วยที่ร่างกายขาดเอดีเอช เกิดจากปฏิกิริยาภูมิต้านตนเอง (ออโตอิมมูน) ทำให้ไฮโพทาลามัสสร้างเอดีเอชได้น้อยลง โดยไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน

ความผิดปกติของไตที่ไม่ตอบสนองต่อฤทธิ์ของฮอร์โมนเอดีเอช ทั้ง ๆ ที่ไฮโพทาลามัสสร้างฮอร์โมนชนิดนี้ได้เพียงพอ ทำให้มีการขับปัสสาวะออกมากกว่าปกติ อาจเกิดจากโรคไตเรื้อรัง (เช่น กรวยไตอักเสบเรื้อรัง ภาวะไตวายเรื้อรัง โรคถุงน้ำไตชนิดหลายถุงหรือ polycytic kidney) ภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำหรือภาวะแคลเซียมในเลือดสูง (ซึ่งทั้ง 2 ภาวะนี้ทำให้ไตทำงานได้ไม่ปกติ)

บางรายอาจเกิดจากความผิดปกติทางกรรมพันธุ์

บางรายเกิดจากการใช้ยา ที่พบบ่อย คือ ลิเทียม (lithium ซึ่งใช้รักษาโรคอารมณ์สองขั้ว) นอกจากนี้อาจเกิดจากยาอื่น ๆ อาทิ ยารักษาลมชัก (เช่น เฟนิโทอิน) ยาลดน้ำหนัก (เช่น orlistat ) ยาปฏิชีวนะ (เช่น เมทิซิลลิน โอฟล็อกซาซิน) ยาต้านไวรัส (เช่น  cidofovir, foscavir) เป็นต้น

ภาวะตั้งครรภ์ อาจทำให้รกมีการสร้างเอนไซม์ (ชื่อ vasopressinase) ซี่งไปทำให้ฮอร์โมนเอดีเอช (เวโซเพรสซิน) ของหญิงตั้งครรภ์ลดลง ทำให้เกิดอาการเบาจืดได้ ภาวะนี้พบได้น้อยมาก มักเกิดอาการในไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์ และมักหายได้เองหลังคลอด

อาการ

ผู้ป่วยจะมีอาการปัสสาวะออกบ่อยและมาก กระหายน้ำและดื่มน้ำมาก ชอบดื่มน้ำเย็นมากเป็นพิเศษ ปากมักจะแห้งอยู่เสมอ จะมีอาการกระหายน้ำอยู่ตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน แม้นอนหลับตอนกลางคืนก็มักจะลุกขึ้นมาปัสสาวะและดื่มน้ำคืนละหลายครั้ง บางครั้งมีอาการปัสสาวะรดที่นอน ผู้ป่วยมักถ่ายปัสสาวะวันละเกิน 5 ลิตร (ถ้าเป็นรุนแรงอาจมากถึงวันละ 20 ลิตร) ปัสสาวะมักจะไม่มีกลิ่น ไม่มีสี

ผู้ป่วยอาจมีอาการอ่อนเพลีย เมื่อยล้า ง่วงซึม ปวดกล้ามเนื้อ ในรายที่มีสาเหตุจากเนื้องอกสมองอาจมีอาการปวดศีรษะเรื้อรังร่วมด้วย

ในทารกและเด็กเล็ก มักมีอาการผ้าอ้อมเปียกชุ่มบ่อย ปัสสาวะรดที่นอน หงุดหงิด งอแง นอนไม่หลับ มีไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร อาเจียน ท้องผูก น้ำหนักลด การเจริญเติบโตช้า

ภาวะแทรกซ้อน

ถ้าดื่มน้ำได้ไม่เพียงพออาจเกิดภาวะขาดน้ำรุนแรง (ทำให้มีอาการตาลึกโบ๋ ปากแห้ง ผิวหนังเสียความยืดหยุ่น ชีพจรเต้นเร็ว ความดันโลหิตต่ำ มีไข้ น้ำหนักลด เวียนศีรษะ หน้ามืด สับสน กระสับกระส่าย) และภาวะเสียสมดุลของเกลือแร่ (ทำให้มีอาการอ่อนเพลีย ซึม สับสน คลื่นไส้ เบื่ออาหาร ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นตะคริว)

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจปัสสาวะ จะพบว่ามีความถ่วงจำเพาะต่ำ (< 1.005) ตรวจเลือด (พบระดับฮอร์โมนเอดีเอชต่ำ, ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ, อาจพบระดับแคลเซียมในเลือดสูง หรือระดับโพแทสเซียมในเลือดต่ำ) และทำการตรวจพิเศษ เช่น การทดสอบด้วยการอดน้ำ (water deprivation test)* การทดสอบด้วยเวโซเพรสซิน (vasopressin test)**

ในรายที่สงสัยมีสาเหตุเกี่ยวกับสมอง จะทำการการถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์

*โดยให้ผู้ป่วยอดน้ำหลายชั่วโมง แล้วทำการตรวจวัด osmolarity ของเลือดและปัสสาวะ รวมทั้งปริมาณและความถ่วงจำเพาะของปัสสาวะเป็นช่วง ๆ ถ้าพบว่าผลการตรวจมีการเปลี่ยนแปลงสู่ระดับปกติ ก็แสดงว่าไม่เป็นเบาจืด แต่ถ้าผลการตรวจยังผิดปกติเหมือนเดิม ก็แสดงว่าเป็นเบาจืด

**ทำหลังทดสอบด้วยการอดน้ำแล้วพบว่าเป็นเบาจืด โดยการฉีดเวโซเพรสซินขนาดเล็กน้อยให้ผู้ป่วย และทำการตรวจวัดแบบเดียวกับการทดสอบด้วยการอดน้ำ ถ้าพบว่าผลการตรวจเปลี่ยนเป็นปกติ แสดงว่ามีสาเหตุจากความผิดปกติในสมองซึ่งสร้างฮอร์โมนเอดีเอช (เวโซเพรสซิน) ได้น้อย แต่ถ้าผลการตรวจยังผิดปกติเหมือนเดิม ก็แสดงว่ามีสาเหตุจากความผิดปกติของไตที่ไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมนนี้

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การรักษาตามสาเหตุ ดังนี้

ถ้าเกิดจากร่างกายขาดเอดีเอช เนื่องจากสมองสร้างฮอร์โมนนี้ได้น้อยกว่าปกติ สำหรับในรายที่เป็นไม่รุนแรง (ปัสสาวะวันละประมาณ 3-4 ลิตร) แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2.5 ลิตร เพื่อทดแทนน้ำให้เพียงพอ ไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ

ส่วนในรายที่เป็นรุนแรง แพทย์จะรักษาด้วยยาเอดีเอช (เวโซเพรสซิน) สังเคราะห์ เช่น เดสโมเพรสซิน (desmopressin) ซึ่งมีทั้งยาเม็ด ยาฉีด และยาพ่นจมูก

ถ้าเกิดจากความผิดปกติของไตที่ไม่ตอบสนองต่อฤทธิ์ของฮอร์โมนเอดีเอช แพทย์จะแนะนำให้ลดปริมาณเกลือโซเดียมที่บริโภค หยุดยา (ถ้าพบว่าเป็นสาเหตุ) ถ้าจำเป็นแพทย์จะให้กินยาเม็ดไฮโดรคลอโรไทอาไซด์ (hydrochlorothiazide ซึ่งแม้ว่าจะเป็นยาขับปัสสาวะ แต่มีฤทธิ์ช่วยลดปริมาณปัสสาวะในผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้)

อาจให้ยาชนิดนี้เดี่ยว ๆ หรือใช้ร่วมกับยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เช่น ไอบูโพรเฟน, นาโพรซิน เป็นต้น (ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างพรอสตาแกลนดิน ซึ่งเป็นสารที่ต้านฤทธิ์ของฮอร์โมนเอดีเอช)
    ถ้าเกิดจากภาวะตั้งครรภ์ แพทย์จะให้เดสโมเพรสซิน (desmopressin)

ผลการรักษา เมื่อได้รับการรักษา อาการมักจะทุเลาได้ดีและสามารถดำเนินชีวิตได้เป็นปกติ ส่วนจะต้องรักษานานเพียงใดย่อมขึ้นกับสาเหตุที่พบ บางรายอาจใช้เวลาไม่นานและหายขาดได้ แต่บางรายอาจต้องใช้ยารักษาไปจนตลอดชีวิต

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการปัสสาวะมากและบ่อย กระหายน้ำและดื่มน้ำบ่อย เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคเบาจืด ควรดูแลตนเอง ดังนี้

รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    ควรพกน้ำดื่มติดตัวไว้ตลอดเวลา และดื่มน้ำให้พอเพียง ระวังอย่าให้ขาดน้ำ
    ควรพกสมุดหรือบัตรประจำตัวที่ระบุถึงโรคที่เป็นและยาที่ใช้รักษา หากระหว่างเดินทางไปไหนมาไหนเกิดอาการฉุกเฉินรุนแรง แพทย์จะได้ให้การช่วยเหลือที่ถูกต้องและทันการณ์

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

มีอาการอ่อนเพลีย ใจหวิวใจสั่น วิงเวียน หน้ามืด กระหายน้ำมาก ปากแห้ง เบื่ออาหาร คลื่นไส้ ปวดกล้ามเนื้อ หรือเป็นตะคริว   
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน ยาหายหรือขาดยา หรือมีอาการสงสัยว่าเป็นผลข้างเคียงจากยาหรือแพ้ยา

การป้องกัน

เนื่องจากโรคนี้มีสาเหตุส่วนใหญ่ที่ไม่อาจป้องกันได้ รวมทั้งมีบางส่วนที่ไม่ทราบสาเหตุ จึงยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผลเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นในรายที่เกิดจากสาเหตุที่ป้องกันได้ เช่น ไตวายเรื้อรัง กรวยไตอักเสบเรื้อรัง สมองอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เป็นต้น ก็ควรหาทางป้องกันโรคเหล่านี้

ควรหาทางป้องกันไม่ให้เกิดภาวะขาดน้ำด้วยการดูแลตนเองและติดตามรักษากับแพทย์อย่างจริงจังและต่อเนื่อง

ข้อแนะนำ

1. อาการปัสสาวะบ่อยและกระหายน้ำบ่อย มักมีสาเหตุมาจากโรคเบาหวานเป็นส่วนใหญ่ ส่วนน้อยมากที่มีสาเหตุจากโรคเบาจืด การแยกโรคทั้ง 2 นี้ในเบื้องต้นสามารถกระทำโดยการตรวจปัสสาวะ ซึ่งจะพบลักษณะจำเพาะของแต่ละโรค กล่าวคือ เบาหวานจะพบระดับน้ำตาลในปัสสาวะ (ตรวจเลือดจะพบระดับน้ำตาลในเลือดสูง) ส่วนเบาจืดจะตรวจไม่พบน้ำตาลในปัสสาวะ และปัสสาวะจะมีความถ่วงจำเพาะระหว่าง 1.001-1.005 (คนปกติทั่วไปจะมีความถ่วงจำเพาะมากกว่า 1.015)

2. ผู้ที่เป็นโรคทางจิต เช่น จิตเภท (schizophrenia) หรือผู้ที่มีความผิดปกติของกลไกควบคุมการกระหายน้ำ (thirst-regulating mechanism) ในสมองส่วนไฮโพทาลามัส ก็อาจทำให้มีอาการดื่มน้ำมากผิดปกติ เกิดอาการปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำบ่อย และปัสสาวะมีความถ่วงจำเพาะต่ำคล้ายโรคเบาจืดได้

8
แจกสูตรวิธีทำ”ไข่ข้น”ง่ายๆ (ภายในเวลาไม่เกิน 2 นาที) เพื่อสร้างอาชีพ

ไข่ข้นเป็นเมนูที่ทำง่าย รวดเร็ว และได้รับความนิยมอย่างมาก เหมาะสำหรับทำขายสร้างอาชีพ โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วน ต่อไปนี้เป็นสูตรไข่ข้นง่ายๆ ที่ใช้เวลาไม่เกิน 2 นาที พร้อมเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณทำขายได้ดี:

ส่วนผสม (สำหรับ 1 ที่):

ไข่ไก่สด 2 ฟอง
นมสด (หรือวิปปิ้งครีม) 2 ช้อนโต๊ะ
เนยจืด 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1/2 ช้อนชา (หรือเกลือเล็กน้อย)
พริกไทยขาวป่น เล็กน้อย
(ถ้าต้องการ) หมูสับ, แฮม, ไส้กรอก, หรือผักต่างๆ ตามชอบ

วิธีทำ:

ตอกไข่ใส่ชามผสม เติมนมสด (หรือวิปปิ้งครีม) ปรุงรสด้วยน้ำปลา (หรือเกลือ) และพริกไทยขาว ตีให้เข้ากันเบาๆ (ไม่ต้องตีให้ขึ้นฟอง)
ตั้งกระทะเทฟลอน ใช้ไฟอ่อน ใส่เนยลงไป รอจนเนยละลาย
เทไข่ที่ตีไว้ลงในกระทะ (ถ้าต้องการ) ใส่หมูสับ แฮม ไส้กรอก หรือผักต่างๆ ลงไป
ใช้ตะหลิวคนไข่เบาๆ ตลอดเวลา เพื่อให้ไข่สุกแบบข้นๆ และไม่ติดกระทะ
เมื่อไข่เริ่มสุกแต่ยังมีความชุ่มชื้นอยู่ ให้ปิดไฟ ตักไข่ข้นราดบนข้าวสวยร้อนๆ พร้อมเสิร์ฟ

เคล็ดลับความอร่อย:

ใช้ไฟอ่อน: การใช้ไฟอ่อนจะช่วยให้ไข่สุกอย่างช้าๆ และมีความนุ่มชุ่มชื้น
คนไข่ตลอดเวลา: การคนไข่ตลอดเวลาจะช่วยให้ไข่สุกแบบข้นๆ และไม่ติดกระทะ
อย่าให้ไข่สุกเกินไป: ไข่ข้นที่อร่อยจะต้องมีความชุ่มชื้นอยู่เล็กน้อย
เพิ่มความหลากหลาย: สามารถเพิ่มส่วนผสมต่างๆ ลงในไข่ข้นได้ตามชอบ เช่น หมูสับ แฮม ไส้กรอก หรือผักต่างๆ
จัดจานให้น่าทาน: การจัดจานให้สวยงามจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับไข่ข้น

เคล็ดลับทำขาย:

เตรียมวัตถุดิบไว้ล่วงหน้า: เพื่อความรวดเร็วในการทำอาหาร
ใช้กระทะเทฟลอน: จะช่วยให้ไข่ข้นไม่ติดกระทะ
ควบคุมปริมาณ: ตวงส่วนผสมให้ได้ปริมาณที่แน่นอน เพื่อให้รสชาติคงที่
บรรจุภัณฑ์: เลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่สะอาดและปลอดภัย
โปรโมท: โปรโมทสินค้าของคุณผ่านช่องทางต่างๆ เช่น โซเชียลมีเดีย หรือปากต่อปาก
รักษาความสะอาด: รักษาความสะอาดของวัตถุดิบและอุปกรณ์

ข้อควรระวัง:

ความสะอาดของวัตถุดิบและอุปกรณ์
ความสดใหม่ของวัตถุดิบ
รสชาติที่ถูกปากลูกค้า
การเก็บรักษาวัตถุดิบที่ถูกต้อง
หวังว่าสูตรและเคล็ดลับเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในการทำไข่ข้นขายสร้างอาชีพนะคะ

9
ข้อมูลโรคกระเพาะหรือลำไส้อุดกั้น (Gastrointestinal/Gut obstruction)

ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่อุดกั้น ถ้าอุดกั้นที่ลำไส้เล็กมักมีอาการปวดบิดเกร็งเป็นพัก ๆ ที่บริเวณรอบ ๆ สะดือ และอาเจียนพุ่งรุนแรงติด ๆ กัน มักมีเศษอาหารหรือน้ำดี (สีเขียวและขม) ออกมา

ถ้าอุดกั้นที่ลำไส้ใหญ่มักไม่มีอาการอาเจียน หรือไม่ก็มีเพียงเล็กน้อย

นอกจากนี้ไม่ว่าการอุดกั้นจะเกิดตรงตำแหน่งใด ๆ ถ้าการอุดกั้นเป็นไปอย่างสมบูรณ์ มักมีอาการท้องผูกร่วมด้วยเสมอ อาจไม่มีการผายลมเลยถ้าอุดกั้นอย่างสมบูรณ์ที่ลำไส้ใหญ่

อาการท้องอืดอาจไม่ชัดเจนในระยะแรก แต่ต่อมาจะค่อย ๆ มีมากขึ้น

ถ้าเป็นอยู่หลายวันมักมีภาวะขาดน้ำ และอาจมีภาวะช็อก (เหงื่อออก ตัวเย็น กระสับกระส่าย ชีพจรเบาเร็ว ความดันต่ำ ปัสสาวะออกน้อย)

บางครั้งอาจมองเห็นการเคลื่อนไหวของลำไส้ที่หน้าท้อง

เมื่อใช้เครื่องฟังตรวจที่หน้าท้องจะได้ยินเสียงโครกครากของลำไส้ติดกันถี่ ๆ เป็นเสียงแหลม และถ้าเขย่าท้องอาจได้ยินเสียงเหมือนน้ำกระฉอก

อาจพบรอยแผลผ่าตัดที่หน้าท้อง หรือก้อนนูนของไส้เลื่อนที่บริเวณขาหนีบ หรือถุงอัณฑะ

ในทารกที่เกิดจากกระเพาะส่วนปลายตีบ จะมีอาการอาเจียนพุ่งแรงออกมาเป็นเศษนมมีกลิ่นเหม็นในระยะแรกเด็กยังรู้สึกหิวและเคลื่อนไหวแข็งแรง อาการอาเจียนจะเป็นอยู่เรื่อย ๆ จนต่อมาเด็กจะน้ำหนักลด กระสับกระส่าย และถ่ายอุจจาระน้อยลงเรื่อย ๆ สังเกตที่หน้าท้องมักพบการเคลื่อนไหวของลำไส้ และอาจคลำได้ก้อนที่บริเวณส่วนปลายของกระเพาะอาหาร

ถ้าไม่ได้รับการรักษาเด็กจะมีภาวะขาดน้ำ ซึม ชักและตายได้

ในเด็กที่เกิดจากลำไส้กลืนกันเอง มักมีอาการปวดท้องรุนแรงเป็นพัก ๆ (ถ้าเป็นในทารกจะมีอาการร้องไห้เสียงดังนานหลายนาที เว้นช่วงเงียบไปพักหนึ่งแล้วร้องขึ้นอีก) และอาจมีอาการอาเจียน บางครั้งอาจถ่ายเป็นมูกปนเลือดคล้ายเยลลี่

10
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: กระดูกพรุน (Osteoporosis)

โรคกระดูกพรุน คือ ภาวะที่มีปริมาณแร่ธาตุ (ที่สำคัญคือแคลเซียม) ในกระดูกลดลง ร่วมกับความเสื่อมของเนื้อเยื่อที่ประกอบเป็นโครงสร้างภายในกระดูก ทำให้เนื้อหรือมวลกระดูกลดความหนาแน่น จึงเปราะและแตกหักง่าย บริเวณที่พบการหักของกระดูกได้บ่อย ได้แก่ ข้อมือ สะโพก และสันหลัง

โรคที่พบมากในคนสูงอายุ พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายประมาณ 2 เท่า และผู้ที่มีพ่อแม่พี่น้องเป็นโรคกระดูกพรุน จะมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าคนทั่วไป

สาเหตุ

กระดูกประกอบด้วย โปรตีน คอลลาเจน และแคลเซียม โดยมีแคลเซียมฟอสเฟตเป็นตัวทำให้กระดูกแข็งแรง ทนต่อแรงดึงรั้ง

กระดูกมีการสร้างและสลายตัวอยู่ตลอดเวลา กล่าวคือ ขณะที่มีการสร้างกระดูกใหม่โดยใช้แคลเซียมจากอาหารที่กินเข้าไป ก็มีการสลายแคลเซียมในเนื้อกระดูกเก่าออกมาในเลือดและถูกขับออกมาทางปัสสาวะและอุจจาระ ปกติในเด็กจะมีการสร้างกระดูกมากกว่าการสลาย ทำให้กระดูกมีการเจริญเติบโต มวลกระดูกจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นจนมีความหนาแน่นสูงสุด เมื่ออายุประมาณ 30-35 ปี หลังจากนั้นจะเริ่มมีการสลายกระดูกมากกว่าการสร้าง ทำให้กระดูกค่อย ๆ บางตัวลงตามอายุที่มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้หญิงช่วงหลังวัยหมดประจำเดือน ซึ่งมีการลดลงของฮอร์โมนเอสโทรเจนอย่างรวดเร็ว ฮอร์โมนชนิดนี้ช่วยการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายและชะลอการสลายของแคลเซียมในเนื้อกระดูก เมื่อพร่องฮอร์โมนชนิดนี้ก็จะทำให้กระดูกบางตัวลงอย่างรวดเร็ว จนเกิดภาวะกระดูกพรุน

ดังนั้น โรคกระดูกพรุนส่วนใหญ่จึงเกิดจากภาวะหมดประจำเดือนในผู้หญิง (ซึ่งจะเริ่มมีอัตราเร่งของการสลายตัวของกระดูกในช่วง 10-20 ปี หลังหมดประจำเดือน) และความเสื่อมตามอายุที่มีการสะสมอย่างค่อยเป็นค่อยไปและยาวนานของการเสียดุลระหว่างการสร้างและการสลายของกระดูก (พบได้ทั้งชายและหญิงที่มีอายุมากกว่า 75 ปี)

นอกจากนี้ยังอาจพบร่วมกับภาวะอื่น ๆ เรียกว่า กระดูกพรุนชนิดทุติยภูมิ (secondary osteoporosis) เช่น

    ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน โรคคุชชิง ต่อมพาราไทรอยด์ทำงานเกิน เบาหวาน โรคปวดข้อรูมาตอยด์ เอลแอลอี โรคตับเรื้อรัง โรคไตเรื้อรัง มะเร็ง (เต้านม เม็ดเลือดขาว ต่อมน้ำเหลือง)
    ภาวะขาดสารอาหารและแคลอรี ภาวะขาดแคลเซียม
    น้ำหนักน้อย (ผอม)
    การใช้ยาติดต่อกันนาน ๆ เช่น ยาสเตียรอยด์ ยาขับปัสสาวะ (เช่น ฟูโรซีไมด์) ยาลดการสร้างกรดกลุ่มยับยั้งโปรตอนปั๊มป์ (เช่น โอเมพราโซล) ยากันชัก(เช่น เฟนิโทอิน ฟีโนบาร์บิทาล) เฮพาริน หรือใช้ฮอร์โมนไทรอยด์มากเกิน
    การไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายนาน ๆ (เช่น ผู้ป่วยที่นอนแบ็บอยู่บนที่นอนตลอดเวลา) การสูบบุหรี่ (ทำให้เอสโทรเจนในเลือดลดลง)
    การเสพติดแอลกอฮอล์
    การสูบบุหรี่

นอกจากนี้ ยังพบว่าโรคนี้มีความสัมพันธ์กับกรรมพันธุ์ และบางครั้งอาจพบในคนอายุไม่มากโดยไม่ทราบสาเหตุชัดเจนก็ได้

 อาการ

ส่วนใหญ่มักจะไม่มีอาการแสดง จนกระทั่งเกิดภาวะกระดูกหัก ก็จะเกิดอาการเจ็บปวด หรือความผิดปกติของโครงสร้างกระดูก เช่น ปวดข้อมือ สะโพก หรือหลัง (เนื่องจากกระดูกข้อมือ สะโพก หรือสันหลังแตกหัก) ส่วนสูงลดลงจากเดิม (เนื่องจากการหักและยุบตัวของกระดูกสันหลัง ซึ่งอาจเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว) เป็นต้น

ถ้าเป็นโรคกระดูกพรุนชนิดทุติยภูมิก็อาจมีอาการแสดงของโรคที่เป็นสาเหตุ

ภาวะแทรกซ้อน

ที่สำคัญคือ กระดูกหัก อาจทำให้เกิดความพิการเดินไม่ได้ หรือหลังโกงหลังค่อม

ในรายที่กระดูกสะโพกหัก ซึ่งมักพบในผู้สูงอายุ ถ้าจำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัด อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงหลังผ่าตัดได้

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ถ้ามีภาวะกระดูกหักเฉียบพลัน เช่น ตกจากที่สูง หกล้ม ก็จะตรวจพบอาการเจ็บปวด บวม หรือกระดูกบิดเบี้ยว หรือขยับเขยื้อนไม่ได้

ถ้ากระดูกสันหลังแตกหัก หรือยุบตัวแบบเรื้อรัง (มักเกิดจากแรงกระทบกระเทือนเพียงเล็กน้อย โดยที่ผู้ป่วยอาจไม่รู้ว่าเกิดขึ้นเมื่อไร) ผู้ป่วยจะมีส่วนสูงลดลง หรือหลังโกงหลังค่อม

นอกจากนี้อาจตรวจพบอาการของโรคหรือภาวะที่เป็นสาเหตุของโรคกระดูกพรุนชนิดทุติยภูมิ เช่น ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน โรคคุชชิง

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการเอกซเรย์กระดูกตรวจความหนาแน่นของกระดูก (bone mineral density) ด้วยเครื่องตรวจโดยเฉพาะ เช่น การตรวจด้วยวิธี DXA (dual-energy X-ray absorptiometry) การตรวจอัลตราซาวนด์กระดูกส้นเท้า (calcaneal ultrasonography) เป็นต้น นอกจากนี้ อาจทำการตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ และตรวจพิเศษอื่น ๆ เพื่อค้นหาสาเหตุในรายที่สงสัยว่ามีโรคหรือภาวะอื่นร่วมด้วย

การรักษาโดยแพทย์

สำหรับผู้ป่วยที่มีกระดูกพรุนโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อน แพทย์จะให้กินแคลเซียม เช่น แคลเซียมคาร์บอเนต และอาจให้วิตามินดีร่วมด้วย ในรายที่อยู่แต่ในที่ร่ม (ไม่ได้รับแสงแดด) ตลอดเวลา

สำหรับหญิงหลังวัยหมดประจำเดือน แพทย์อาจพิจารณาให้ฮอร์โมนเอสโทรเจนทดแทน

สำหรับผู้ชายสูงอายุที่มีภาวะพร่องฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนร่วมด้วย อาจต้องให้ฮอร์โมนชนิดนี้เสริม

นอกจากนี้ อาจพิจารณาให้ยากระตุ้นการดูดซึมแคลเซียม และ/หรือยาลดการสลายกระดูกเพิ่มเติมแก่ผู้ป่วยบางราย เช่น ยากลุ่มบิสฟอสโฟเนต (bisphosphonate), แคลซิโทนิน (calcitonin)

หากไม่ได้ผลหรือใช้ยากลุ่มบิสฟอสโฟเนตไม่ได้ แพทย์อาจให้ยาชนิดใหม่ เช่น ดีโนซูแมป (denosumab), เทริพาราไทด์ (teriparatide)

ผู้ป่วยจำเป็นต้องใช้ยาเป็นประจำ แพทย์จะนัดมาตรวจเป็นระยะ อาจต้องทำการตรวจกรองมะเร็งเต้านมและปากมดลูก (สำหรับผู้ที่กินเอสโทรเจน) ปีละ 1 ครั้ง ตรวจความหนาแน่นของกระดูกทุก 2-3 ปี เอกซเรย์ในรายที่สงสัยมีกระดูกหัก เป็นต้น

ในรายที่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น กระดูกหัก ก็ให้รักษา เช่น การเข้าเฝือก การผ่าตัด การทำกายภาพบำบัด เป็นต้น

ในรายที่มีโรคหรือภาวะที่เป็นสาเหตุของโรคกระดูกพรุนชนิดทุติยภูมิ ก็ให้การรักษาไปพร้อม ๆ กัน

การดูแลตนเอง

ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ หญิงวัยหมดประจำเดือน (วัยทอง) ผู้ที่ใช้ยาบางชนิดนาน ๆ (เช่น ยาสเตียรอยด์ ยากันชัก) เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจกรองโรคกระดูกพรุน

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคกระดูกพรุน ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    งดบุหรี่ และหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จัด
    ระมัดระวังอย่าให้หกล้มหรือเกิดอุบัติเหตุ ทำให้กระดูกหัก เช่น แก้ไขภาวะความดันตกในท่ายืน หรือสายตามัว (เช่น ต้อกระจก) หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ทำให้ง่วงนอน หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง (เช่น ยากล่อมประสาท) และควรจัดสภาพแวดล้อมภายในบ้านให้ปลอดภัย (เช่น บันไดที่ขึ้นลง แสงสว่าง ห้องน้ำ พื้นต่างระดับ ราวเกาะยึด เป็นต้น)

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการปวดข้อ หรือปวดหลังเฉียบพลัน หรือสงสัยกระดูกหัก
    ขาดยาหรือยาหาย
    กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

1. กินแคลเซียมให้เพียงพอทุกวัน* อาหารที่มีแคลเซียมสูง ได้แก่ นม เนยแข็ง ปลาที่กินได้ทั้งกระดูก (เช่น ปลาไส้ตัน) กุ้งแห้ง เต้าหู้แข็ง ถั่วแดง ผักสีเขียวเข้ม (เช่น คะน้า ใบชะพลู) งาดำคั่ว

แนวทางปฏิบัติ สำหรับเด็กและวัยรุ่นควรดื่มนมวันละ 2-3 แก้ว ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุดื่มนมวันละ 1-2 แก้วเป็นประจำ จะทำให้ได้รับแคลเซียมร้อยละ 50 ของปริมาณที่ต้องการ ส่วนแคลเซียมที่ยังขาดให้กินจากอาหารแหล่งอื่น ๆ ประกอบ

ผู้ใหญ่บางคนที่มีข้อจำกัดในการดื่มนม (เช่น มีภาวะไขมันในเลือดสูง อ้วน เป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจขาดเลือด) ให้เลือกกินเนยแข็ง นมเปรี้ยว นมพร่องมันเนย แทน หรือบริโภคอาหารที่มีแคลเซียมสูงในแต่ละมื้อให้มากขึ้น

2. ออกกำลังกายเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกกำลังที่มีการถ่วงหรือต้านน้ำหนัก (weight bearing) เช่น การเดิน การวิ่ง เต้นแอโรบิก กระโดดเชือก รำมวยจีน เต้นรำ เป็นต้น ร่วมกับการยกน้ำหนัก จะช่วยให้มีมวลกระดูกมากขึ้น และกระดูกมีความแข็งแรง ทั้งแขน ขา และกระดูกสันหลัง

3. รับแสงแดด ช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์วิตามินดี ซึ่งเป็นฮอร์โมนกระตุ้นการสร้างกระดูก ในบ้านเราคนส่วนใหญ่จะได้รับแสงแดดเพียงพออยู่แล้ว นอกจากในรายที่อยู่แต่ในบ้านตลอดเวลา ก็ควรจะออกไปรับแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าหรือยามเย็น วันละ 10-15 นาที สัปดาห์ละ 3 วัน ถ้าอยู่แต่ในที่ร่ม ไม่ถูกแสงแดด อาจต้องกินวิตามินดีเสริม

4. รักษาน้ำหนักตัวอย่าให้ต่ำกว่าเกณฑ์ (ผอมเกินไป) เพราะคนผอมจะมีมวลกระดูกน้อย เสี่ยงต่อกระดูกพรุนได้

5. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะกระดูกพรุน เช่น

    ไม่กินอาหารประเภทโปรตีนหรือเนื้อสัตว์มากเกินไป เพราะอาหารพวกนี้จะกระตุ้นให้ไตขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะมากเกินปกติ
    ไม่กินอาหารเค็มจัดหรืออาหารที่มีโซเดียมสูง เพราะเกลือโซเดียมจะทำให้ลำไส้ดูดซึมแคลเซียมได้น้อยลง และเพิ่มการขับแคลเซียมทางไตมากขึ้น
    ไม่ดื่มน้ำอัดลมปริมาณมาก เพราะกรดฟอสฟอริกในน้ำอัดลมทำให้เกิดการสลายแคลเซียมออกจากกระดูกมากขึ้น
    หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ ช็อกโกแลตในปริมาณมาก เพราะแอลกอฮอล์และกาเฟอีนในเครื่องดื่มเหล่านี้จะขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมของลำไส้เล็ก (กาแฟไม่ควรดื่มเกินวันละ 3 แก้ว แอลกอฮอล์ไม่เกินวันละ 2 หน่วยดื่ม ซึ่งเทียบเท่าแอลกอฮอล์สุทธิ 30 มล.)
    งดการสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่กระตุ้นให้เกิดการสลายแคลเซียมออกจากกระดูกมากขึ้น (เนื่องจากลดระดับเอสโทรเจนในเลือด)
    ระวังการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาสเตียรอยด์ ซึ่งจะเร่งการขับแคลเซียมออกจากร่างกาย

6. รักษาโรคหรือภาวะที่ทำให้เป็นโรคกระดูกพรุน เช่น ต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน โรคคุชชิง

* สำหรับคนไทยซึ่งมียีนที่ควบคุมการดูดซึมแคลเซียมจากลำไส้เล็กได้ดีกว่าชาวตะวันตก และได้รับแสงแดดช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์วิตามินดีได้ตลอดปี มีความต้องการปริมาณแคลเซียมน้อยกว่าชาวตะวันตก ซึ่งแนะนำให้บริโภคแคลเซียมตามช่วงอายุ ดังนี้
    อายุ 9-18 ปี ควรบริโภคแคลเซียม 1,000 มก./วัน
    อายุมากกว่า 50 ปี ควรบริโภคแคลเซียม 800-1,000 มก./วัน
    อายุมากกว่า 50 ปี ควรบริโภคแคลเซียม 800-1,000 มก./วัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในวัยเด็กและหนุ่มสาว ควรบริโภคแคลเซียมให้เพียงพอ เพื่อสะสมมวลกระดูกไว้ให้มาก จะป้องกันการเกิดกระดูกพรุนได้ดีกว่าการเสริมแคลเซียมหลังอายุ 30-35 ปี (ช่วงที่ร่างกายสร้างมวลกระดูกหนาแน่นสูงสุด) ไปแล้ว

ข้อแนะนำ

โรคนี้พบได้บ่อยในหญิงหลังวัยหมดประจำเดือน และผู้สงอายุ ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อกระดูกหักง่าย ควรป้องกันด้วยการปฏิบัติตัวต่าง ๆ (เช่น การบริโภคอาหารที่มีแคลเซียมให้มากพอ การออกกำลังกาย การรักษารูปร่างอย่าให้ผอมเกินไป การไม่สูบบุหรี่ และไม่ดื่มสุราจัด) ตั้งแต่วัยเด็กและวัยหนุ่มสาว

11
ที่เที่ยวไทย ปราสาทตาเมือนธม สุรินทร์ โบราณสถานขอมโบราณ ชายแดน ไทย-กัมพูชา

ปราสาทตาเมือนธม เป็นโบราณสถานขอมโบราณที่สำคัญและน่าสนใจ ตั้งอยู่ในจังหวัดสุรินทร์ ใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นส่วนหนึ่งของ กลุ่มปราสาทตาเมือน ซึ่งประกอบด้วยปราสาท 3 หลังที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกัน ได้แก่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาเมือน (หรือปราสาทบายกรีม)


ประวัติและความสำคัญ:

ปราสาทตาเมือนธม (ธม แปลว่า ใหญ่) เป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่ม สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 16 ศิลปะขอมแบบบาปวน (บางแหล่งระบุพุทธศตวรรษที่ 16-17)

เป็น เทวสถานในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย ซึ่งนับถือพระศิวะเป็นเทพสูงสุด

จุดเด่นคือภายในห้องกลางปราสาทประดิษฐาน ศิวลึงค์ที่เกิดจากแท่งหินทรายธรรมชาติ ที่มีรูปร่างคล้ายศิวลึงค์อยู่แล้ว และภายหลังจึงมีการสร้างปราสาทครอบทับ สันนิษฐานว่าเป็น "สวายัมภูลึงค์" ซึ่งเป็นศิวลึงค์ที่สำคัญที่สุดของลัทธิไศวนิกาย

กลุ่มปราสาทตาเมือนนี้เชื่อว่าเคยเป็น ชุมชนโบราณ และเป็น เส้นทางสำคัญ ที่เชื่อมระหว่างเมืองพระนคร (นครวัด) ในกัมพูชา กับดินแดนภาคอีสานของไทยในอดีต โดยปราสาทตาเมือนโต๊ดและปราสาทตาเมือน (บายกรีม) อาจเคยเป็นอโรคยาศาล (โรงพยาบาล) และธรรมศาลา (ที่พักสำหรับคนเดินทาง) ตามเส้นทางโบราณที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 โปรดให้สร้างขึ้น


จุดเด่นที่น่าสนใจ:

สถาปัตยกรรมขอมโบราณ: ชมความงดงามของปราสาทหินทรายสีชมพูที่ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลง มีอาคารและชานปราสาทล้อมรอบ

สวายัมภูลึงค์: สิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญที่อยู่ภายในปราสาทประธาน

บรรยากาศชายแดน: สัมผัสบรรยากาศที่ตั้งอยู่บริเวณช่องเขาตาเมือน ซึ่งเป็นช่องเขาสำคัญของเทือกเขาพนมดงรัก และเป็นแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

ร่องรอยประวัติศาสตร์: เรียนรู้เรื่องราวความรุ่งเรืองของอาณาจักรขอมและเส้นทางการค้าในอดีต

การเดินทาง:
ปราสาทตาเมือนธมตั้งอยู่ที่บ้านหนองคันนา ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ การเดินทางจากอำเภอเมืองสุรินทร์ สามารถใช้ถนนหมายเลข 214 ถึงอำเภอปราสาท แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนหมายเลข 24 จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าถนนหมายเลข 2397 และเลี้ยวขวาเข้าถนนหมายเลข 224 สุดท้ายเลี้ยวซ้ายเข้าถนนหมายเลข 2407 ระยะทางประมาณ 82.7 กิโลเมตร


ข้อควรทราบ:

ปราสาทตาเมือนธมได้รับการบูรณะจากกรมศิลปากรแล้ว

โบราณวัตถุบางส่วนจัดแสดงในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์

การเยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมจะทำให้คุณได้สัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ของอารยธรรมขอมโบราณและประวัติศาสตร์อันยาวนานของภูมิภาคนี้ค่ะ

12
จัดฟันเด็ก ช่วยแก้ไขความผิดปกติของฟันก่อนที่จะสายไป
 
การดูแลสุขภาพช่องปากส่งผลต่อคุณภาพชีวิตที่ดี การให้ความรู้และการป้องกันในระหว่างปีแรกของชีวิตต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งผู้เชี่ยวชาญและการร่วมมือของพ่อแม่ผู้ปกครอง ที่จะดูแลฟันของลูกน้อยตั้งแต่ยังเป็นทารก เพราะในเรื่องของการเลี้ยงดูก็มีความสำคัญต่อสุขภาพช่องปากและฟันเช่นกัน ดังนั้น การเริ่มต้นที่จะมีสุขลักษณะที่ส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีนั้นมีความเกี่ยวข้องกับด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมของเด็กเอง จึงไม่ใช่สิ่งง่ายเลยในการเปลี่ยนแปลง บทบาทหน้าที่ของพ่อแม่ผู้ปกครองที่จะช่วยส่งเสริมและปลูกฝังทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน ถือว่าเป็นเรื่องที่ควรทำ ไม่ควรมองข้าม

เพราะสุขอนามัยเกี่ยวกับช่องปากและฟันของเด็กนั้น จะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต และถ้าหากเด็กมีปัญหาเกี่ยวกับฟันตั้งแต่อายุยังน้อย ก็ควรพาเด็กเข้าพบทันตแพทย์จัดฟัน เพื่อเข้ารับการจัดฟันในเด็ก โดยการจัดฟันในเด็กนั้นจะสามารถช่วยแก้ไขความผิดปกติของฟัน และสามารถทำได้ตั้งแต่เด็กอายุ 4 ขวบ หากเด็กมีปัญหาฟันที่จำเป็นที่จะต้องเข้ารับการจัดฟัน  เพราะการจัดฟันในเด็ก ทำเพื่อแก้ไขความผิดปกติตั้งแต่เนิ่นๆ


ในระหว่างที่ขากรรไกรของเด็กอยู่ในช่วงของการเจริญเติบโตจะช่วยแก้ไขปัญหาบางอย่างได้ทันท่วงที ก่อนที่เขาจะโตขึ้น  เช่น กรณีขากรรไกรบนเล็กหรือแคบ การจัดฟันในเด็กจะช่วยลดปัญหาได้อย่างมาก เพราะยังเป็นช่วงที่เพดานปากหรือกระดูกขากรรไกรยังเจริญเติบโตอยู่ และสามารถขยายได้  ซึ่งหากไปทำในวัยผู้ใหญ่ขากรรไกรจะหยุดเจริญเติบโตแล้วจึงไม่สามารถแก้ไขปัญหา ขากรรไกรเบี้ยว คางยื่น หรืออื่นๆ ได้ ซึ่งอาจต้องใช้วิธีที่ยุ่งยากมากขึ้น เช่น การผ่าตัดขากรรไกรร่วมกับการจัดฟัน
 
วันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงเรื่องของการจัดฟันในเด็ก ที่จะช่วยแก้ไขความผิดปกติของฟันก่อนที่จะสายไป  การที่พ่อแม่พาเด็กเข้าพบทันตแพทย์บ่อยๆ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาฟันได้อย่างทันเวลา หากทันตแพทย์ ตรวจพบความผิดปกติของการเรียงตัวของฟันแต่เนิ่นๆ และจะได้วางแผนเวลา และวิธีการรักษาที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างความคุ้นเคยกับการทำฟัน หากจำเป็นต้องใส่เครื่องมือจัดฟันเมื่อไหร่ เด็กก็จะพร้อมที่จะรับการรักษาได้ทันที จะเป็นการสร้างทัศนคติที่ดีให้เด็กไปในตัว


การจัดฟันในเด็กยังมีประโยชน์กับเด็กที่มีพฤติกรรมการดูดนิ้ว ดูดขวดนม ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดปัญหากล้ามเนื้อบนใบหน้า การจัดฟันในเด็กจึงสามารถใช้แก้ไขปัญหากล้ามเนื้อที่มีการทำงานผิดปกติ ช่วยปรับตำแหน่งของลิ้น ช่วยส่งเสริมการปรับรูปของกระดูกโดยเราทราบว่ากระบวนการเจริญเติบโตของเด็กที่เกี่ยวข้องกับกระดูกใบหน้าส่วนกลางและกระดูกขากรรไกรล่างมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องมากน้อยตามแต่ช่วงอายุ
ดังนั้น ตามหลักการแล้วหากต้องการปรับโครงสร้างใบหน้าจึงต้องทำการเริ่มแก้ไขในช่วงที่เด็กยังมีการเจริญเติบโต ซึ่งนอกจากนี้ ความผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้นในเด็กเล็ก เช่น ขากรรไกรบน-ล่างไม่สมดุลกัน ฟันหน้าล่างคร่อมฟันหน้าบน อาจเริ่มรักษาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อป้องกันความผิดปกติที่จะมีมากขึ้น ในขณะที่ยังมีการเจริญเติบโตของในหน้าและขากรรไกร


การจัดฟันในเด็กเล็กจะเป็นการใส่เครื่องมือเพื่อกระตุ้นให้การเจริญเติบโตของขากรรไกรบนและล่างได้สัดส่วน จึงทำให้เด็กมีโครงสร้างของใบหน้าที่เข้าที่มากขึ้น อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ควรที่จะมองข้ามหรือละเลยปัญหาเล็กๆเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟันของเด็ก เพราะอย่างที่กล่าวไปตั้งแต่ต้นว่า ถ้าหากปล่อยไว้ อาจจะทำให้เด็กมีปัญหาฟันไปตลอดชีวิตได้

หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจอยากพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถพาบุตรหลานของท่านมาเข้ารับการตรวจสุขภาพฟันเบื้องต้นได้ที่คลินิกเพระทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านทันตกรรมในเด็ก มีประสบการณ์ในวงการทันตกรรมมาอย่างยาวนาน จึงมั่นใจได้ว่า บุตรหลานของท่านจะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะทางเราให้คำปรึกษาอย่างถูกต้อง สามารถแนะนำวิธีการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันให้เด็กได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้เด็กได้ทำความสะอาดฟันอย่างถูกวิธีและสะอาดมากที่สุด เพราะเราใส่ใจในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของลูกค้าทุกคน เพื่อที่จะได้มีช่องปากและฟันที่สะอาด มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้

13
การบำรุงรักษาท่อลมร้อน: เพื่อประสิทธิภาพและอายุการใช้งานที่ยาวนาน

การบำรุงรักษาท่อลมร้อนเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ต่างๆ

ทำไมต้องบำรุงรักษาท่อลมร้อน?

เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน: ช่วยให้ระบบดูดอากาศทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ยืดอายุการใช้งาน: ช่วยให้ชิ้นส่วนต่างๆ ของระบบทนทานและใช้งานได้นานขึ้น
ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง: การตรวจเช็คและบำรุงรักษาเป็นประจำจะช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
รักษาคุณภาพอากาศ: ช่วยให้มั่นใจได้ว่าอากาศที่ถูกดูดออกไปจะสะอาดและปราศจากสิ่งปนเปื้อน

ขั้นตอนการบำรุงรักษาท่อลมร้อน

ตรวจสอบความสะอาด:

ทำความสะอาดตัวกรอง: ตรวจสอบและทำความสะอาดตัวกรองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นละอองอุดตัน
ทำความสะอาดท่อ: ตรวจสอบและทำความสะอาดท่อ รวมถึงข้อต่อต่างๆ เพื่อขจัดคราบสกปรกและสิ่งอุดตัน
ตรวจสอบพัดลม: ทำความสะอาดใบพัดและตรวจสอบความสมดุลของใบพัด

ตรวจสอบความแน่นหนา:

ตรวจสอบข้อต่อ: ตรวจสอบความแน่นหนาของข้อต่อต่างๆ เพื่อป้องกันการรั่วซึมของอากาศ
ตรวจสอบซีล: ตรวจสอบสภาพของซีลต่างๆ ให้แน่นหนา
ตรวจสอบท่อ: ตรวจสอบว่ามีรอยร้าวหรือรอยฉีกขาดหรือไม่

ตรวจสอบมอเตอร์:

ตรวจสอบเสียง: ฟังเสียงของมอเตอร์ขณะทำงาน หากมีเสียงผิดปกติ เช่น เสียงดัง หรือเสียงสั่นสะเทือน ควรตรวจสอบเพิ่มเติม
ตรวจสอบอุณหภูมิ: ตรวจสอบอุณหภูมิของมอเตอร์ หากร้อนเกินไป อาจเกิดจากมอเตอร์ทำงานหนักเกินไป หรือมีปัญหาเกี่ยวกับระบบหล่อลื่น
ตรวจสอบกระแสไฟฟ้า: ตรวจสอบกระแสไฟฟ้าที่มอเตอร์ใช้ว่าเป็นไปตามค่าที่กำหนด

ตรวจสอบระบบควบคุม:

ตรวจสอบสวิตช์และปุ่มควบคุม: ตรวจสอบว่าทำงานได้ตามปกติหรือไม่
ตรวจสอบระบบควบคุมอัตโนมัติ: หากมีระบบควบคุมอัตโนมัติ ควรตรวจสอบการทำงานของระบบให้เป็นไปตามปกติ
บันทึกข้อมูลการบำรุงรักษา: บันทึกข้อมูลการบำรุงรักษาแต่ละครั้ง เพื่อติดตามประวัติการบำรุงรักษาและวางแผนการบำรุงรักษาในอนาคต

ความถี่ในการบำรุงรักษา

ความถี่ในการบำรุงรักษาจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ขนาดของระบบ, สภาพแวดล้อมในการใช้งาน, และปริมาณการใช้งาน โดยทั่วไปควรทำการบำรุงรักษาอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง หรือบ่อยกว่านั้นหากมีการใช้งานหนัก

ข้อควรระวัง

การบำรุงรักษาควรทำโดยผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์: หากไม่มั่นใจในการบำรุงรักษาเอง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
หยุดการทำงานของระบบก่อนทำการบำรุงรักษา: เพื่อความปลอดภัย
ปฏิบัติตามคู่มือการใช้งาน: ปฏิบัติตามคู่มือการใช้งานของผู้ผลิตอย่างเคร่งครัด
การบำรุงรักษาท่อลมร้อนอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยืดอายุการใช้งาน และลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมในระยะยาว

14
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
"NEWTECH INSULATION" ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
"เพราะเรา...เข้าใจเรื่องเสียง"

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


15
บริการด้านอาหาร: สุดยอดอาหารเพื่อสุขภาพ ป้องกันกรดไหลย้อน

เชื่อว่า ทุกคนอยากจะมีสุขภาพที่ดี เพื่อที่จะได้ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ เพราะการที่เรามีปัญหาสุขภาพย่อมส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างแน่นอน ดังนั้น การที่เราจะเริ่มต้นดูแลสุขภาพ สามารถเริ่มได้จากการรับประทานอาหารที่มีประโยน์ เลือกรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะอาหารช่วยให้ร่างกายเติบโตและมีสุขภาพอนามัยที่ดี มีพลังงานในการเคลื่อนไหวและสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากอาหาร เป็นสิ่งที่เรารับประทานเข้าสู่ร่างกายแล้ว ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย ก่อให้เกิดพลังงานในการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน และสารอาหารคือ สิ่งที่มีคุณค่าในอาหารซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย สารอาหารแบ่งเป็น 5 ประเภท ได้แก่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน เกลือแร่ ไขมัน

ซึ่งเราทราบกันดีอยู่แล้วว่า สารอาหารเหล่านี้ จะเป็นตัวช่วยสร้างพลังงานและความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย ไม่ว่าเดิน วิ่ง ทำงานหรือใช้ความคิด แม้แต่เวลาหลับ อวัยวะบางอย่างก็ยังคงทำงานอยู่ตลอดเวลา โดยไม่ได้หยุดและยังต้องการพลังความร้อนช่วยให้อบอุ่น รวมไปถึงช่วยซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ที่สึกหรอของร่างกาย ส่วนต่าง ๆของร่างกายต้องทำงานอยู่เสมอ นอกจากนี้ พฤติกรรมบางอย่างก็มีผลต่อสุขภาพร่างกายของเรา โดยเฉพาะพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เช่น ถ้าหากเรารับประทานอาหารและนอนทันที อาจจะส่งผลทำให้เกิดอาการกรดไหลย้อนได้ เชื่อว่าหลายคนอาจจะมีประสบการณ์ในการเกิดภาวะดังกล่าว ซึ่งทรมานและน่ารำคาญใจมากที่สุด ดังนั้น วันนี้เราจะมาพูดถึงสุดยอดอาหารเพื่อสุขภาพที่ช่วยต้านอาการกรดไหลย้อน เพื่อเป็นแนวทางให้หลายคนที่มักจะประสบปัญหาเกิดภาวะกรดไหลย้อนได้ระมัดระวังและเลือกรับประทานอาหารให้มากขึ้น เพื่อที่จะได้ป้องกันอาการกรดไหลย้อนได้

อาการกรดไหลย้อน ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกต้อง เมื่อตรวจพบโรคกรดไหลย้อน นอกจากการรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม คืออีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้บรรเทาอาการกรดไหลย้อนได้ สำหรับอาหารเพื่อสุขภาพ ของคนที่มักจะเกิดอาการกรดไหลย้อน ควรรับประทานอาหารไขมันต่ำ อย่างเช่น เนื้อปลา, ไก่, ไข่ขาว, นมไขมันต่ำ หรือน้ำเต้าหู้ หรืออาหารไฟเบอร์สูง ควรเน้นอาหารที่มีไฟเบอร์หรือกากใยสูง อย่างเช่น ธัญพืช, ข้าวโอ๊ต, ขนมปังโฮลวีท, ผัก ผลไม้ เป็นต้น โดยผลไม้สำหรับคนเป็นกรดไหลย้อนนั้น ควรเป็นผลไม้ที่ไม่มีกรดมาก อย่างเช่น กล้วย, แตงโม, แคนตาลูป, แอปเปิ้ล, พีช, ลูกแพร์, อะโวคาโด หรือผลไม้รสหวานชนิดอื่น ๆ ถ้าหากชอบรับประทานน้ำขิงเป็นประจำ ก็จะยิ่งดี เพราะขิงเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน สามารถช่วยขับลม ช่วยย่อย กระตุ้นการทำงานของลำไส้ ช่วยลดอาการท้องอืด หรืออาการกรด-แก๊สในกระเพาะเกินได้

รวมไปถึงอาหารที่มีไขมันดี ร่างกายคนเราต้องการไขมันเป็นพลังงาน ดังนั้น คนเป็นโรคกรดไหลย้อนก็ไม่ควรงดไขมันด้วยเช่นกัน เพียงแต่ไขมันที่คนเป็นกรดไหลย้อนรับประทานได้ ควรเป็นไขมันชนิดดีจากอะโวคาโด แฟลกซ์ซีด น้ำมันมะกอก น้ำมันงา หรือน้ำมันดอกทานตะวัน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม นอกจากอาหารการรับประทานอาหารแล้ว

คนเป็นโรคกรดไหลย้อน ควรงดสูบบุหรี่และกินมื้อเย็นแค่พออิ่ม หรือเปลี่ยนมื้อเย็นเป็นผัก-ผลไม้แทน ที่สำคัญคือไม่ควรรับประทานแล้วนอนหรือเอนกายลงพักผ่อนทันที ควรรับประทานอาหารก่อนเข้านอน 3 ชั่วโมง และควรนอนตะแคงซ้ายพร้อมกับหนุนหัวเตียงให้สูงอย่างน้อย 6 นิ้ว พร้อมทั้งควบคุมน้ำหนักตัวให้ดี ไม่ให้มีน้ำหนักเกิน เพราะคนอ้วนจะมีความดันในช่องท้องสูง เสี่ยงต่อโรคกรดไหลย้อนได้มากกว่าปกติ

อย่างไรก็ตาม เราควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพราะเราเน้นย้ำมาตลอดให้ทุกคนเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ในปริมาณที่เหมาะสมต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อให้ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ ที่สำคัญเราจะต้องดูแลตัวเองให้มากๆ ดื่มน้ำมากๆ และต้องตระหนักถึงความปลอดภัยของสุขภาพร่างกายของเราในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงอยู่ในขณะนี้ นั่นก็คือ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยิ่งถ้าเรามีภูมิคุ้มกันที่ดี แข็งแรง ก็จะช่วยทำให้เราลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ หรือลดความเสี่ยงของอาการเจ็บป่วยได้ ดังนั้น เราจะต้องเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ในปริมาณที่เหมาะสมต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อให้เราห่างไกลจากโรค

หน้า: [1] 2 3 ... 55